รมช.ประภัตร นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่สำรวจพื้นที่สร้างคอกกักโค ก่อนส่งออกจีนและสถานที่ขนถ่ายโคทางเรือ จังหวัดเชียงราย

วันที่ 21 ธันวาคม 2562 นายประภัตร โพธสุธน รมช.กษ.พร้อมนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้

จากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำชากในหลายพื้นที่ ได้ส่งผลกระทบให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามปกติผลผลิตได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบด้านราคาจากคุณภาพผลผลิตที่ได้ภายใต้มาตรฐานอีกทั้งเกษตรกรย่อยมักขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อใช้ในการฟื้นฟูหรือปรับเปลี่ยนอาชีพส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจฐานรากเกษตรกรมีผลตอบแทนไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ ภายใต้ชื่อ “โครงการโคเนื้อ สร้างชาติ”

ปัจจุบันไทยกับจีนยังไม่สามารถเจรจาการค้าได้โดยตรง จึงใช้บริษัทของ สปป.ลาว ซึ่งเป็นบริษัทลูกจากจีนเป็นตัวกลางในการส่งต่อโคเนื้อของไทย พร้อมกันนี้ จีนได้กำหนดคุณสมบัติของโคที่จะรับซื้อจะต้องเป็นลูกผสมอเมริกันบราห์มัน หรือลูกผสมยุโรปทุกสายพันธุ์ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 350 – 400 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่งออกวันละ 2,000 ตัว โดย สปป.ลาว  จะนำโคจากไทยไปเลี้ยงต่ออีก 45 วัน ที่คอกโคขุนเพื่อเตรียมน้ำหนักของโค จากนั้นเข้าคอกกักกันโรคอีก 30 วัน รวม 75 วัน จึงจะสามารถส่งข้ามไปจีนได้

รมช.กษ.ได้นำคณะสำรวจพื้นที่สร้างคอกกักโรคก่อนส่งออกจีน ณ บ้านจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยคอกกักจะต้องเป็นสถานกักกันสัตว์มีองค์ประกอบที่ผ่านเกณฑ์พื้นฐานตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศคู่ค้าด้านการควบคุมโรคด้านมาตรฐานคอกกักและเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์ไทย

และนอกจากนี้ รมช.กษ.ได้ลงพื้นที่ไปยัง ฟาร์มโคขุน 4 คูณ 4 บ้านหนองสีแจ่ง ต.ศรีเมืองชุ่ม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อพบปะพี่น้องเกษตรพร้อมสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องเกษตรกรภายใต้โครงการโคเนื้อสร้างชาติทั้งนี้เพื่อส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อแนวทางการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อให้มีศักยภาพและสามารถยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประกอบอาชีพการเลี้ยงสัตว์ อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป

……………………………………