กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าวจำนวน 6 เรื่อง เตรียมพร้อมการจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ 26 ธันวาคม 2562 ,ผลการดำเนินงานของสำนักอุทยานแห่งชาติ และการค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก 8 ชนิด
นายประกิต วงศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับมอบหมายจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นประธานการแถลงข่าวประจำสัปดาห์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ รับหน้าที่ในการแถลงข่าวจำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ 1) การจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2562 2) โครงการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 3) การประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยวโดยใช้ QR Code 4) โครงการPassport ท่องเที่ยวไทยหัวใจสีเขียว 5) มาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 6) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก 8 ชนิด ในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศูนย์ปฎิบัติการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพมหานครฯ
นายประกิต วงศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า “เรื่องที่ 1. การจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2562” นั้น มีที่มาดังนี้ การคุ้มครองสัตว์ป่าในประเทศไทย ได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2443 โดยมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติช้างป่า รศ. 119 (พ.ศ. 2443) เพื่อควบคุมการล่าช้างป่า ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2503 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณลงพระนามในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 จึงถือได้ว่าการอนุรักษ์สัตว์ป่าของไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2511 รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปีเป็น “วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังพบปัญหาต่างๆด้านสัตว์ป่า เช่น การล่าสัตว์ป่า ทำให้สัตว์ป่าหลายชนิดลดลงหรือ บางชนิดสูญพันธุ์ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า ได้แก่ ช้างป่า ลิง เหี้ย เป็นต้น ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน แก้ปัญหาระหว่างคนกับสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงเตรียมจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2562 ภายใต้แนวคิด “อนุรักษ์สัตว์ป่า รักษาสมดุลโลก” ระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรณรงค์ให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรสัตว์ป่า ตลอดจนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการ ลด ละ เลิกการใช้พลาสติก/โฟม เพื่อลดจำนวนขยะ อันจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับพิธีเปิดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2562 จะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม2562 มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานพร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์เพื่อรวมพลังในการอนุรักษ์สัตว์ป่า ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กิจกรรมและนิทรรศการที่เน้นด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ การแก้ปัญหาและลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ขยะกับผลกระทบต่อสัตว์ป่า การเสวนาในหัวข้อ “อนาคตสัตว์ป่าไทย” กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ภายในบริเวณพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก
ขณะที่ผลการดำเนินงานของสำนักอุทยานแห่งชาติ นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาศแรกของปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ เรื่องที่ 2. โครงการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 เมื่อเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2562 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จึงให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล โดยโครงการพัฒนาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดำเนินงานโดยสำนักอุทยานแห่งชาติและสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำหนดให้อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าในประเทศไทย รวมจำนวน 159 แห่ง (อุทยานแห่งชาติ 155 แห่ง ,เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 3 แห่ง ,เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง) จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติเฉลิมพระเกียรติฯ อุทยานแห่งชาติละ 155 แห่ง กำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนพฤษภาคม 2563 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเปิดตัวโครงการพัฒนาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1) อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนของอุทยานแห่งชาติทางบก 2) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นตัวแทนของอุทยานแห่งชาติ ทางทะเล ส่วนอุทยานแห่งชาติจำนวน 11 แห่ง ที่ได้ดำเนินการจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่เงา อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง อุทยานแห่งชาติแม่ยอม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติภูซาง อุทยานแห่งชาติภูเรือ และอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ส่วนอุทยานแห่งชาติรวมถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูหลวง อยู่ในขั้นดำเนินการจะแล้วเสร็จทุกอุทยานแห่งชาติ ภายในเดือนเมษายน 2563
เรื่องที่ 3. การประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยวโดยใช้ QR Code กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ทำการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยวโดยใช้ QR Code แบบสำรวจความคิดเห็นและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวผ่านระบบ QR Code โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้อุทยานแห่งชาติมีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บ้านพัก ห้องน้ำ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในอุทยานแห่งชาติให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการปฏิรูปอุทยานแห่งชาติให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล โดยได้ออกแบบฟอร์มการประเมินความพึงพอใจจำนวน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ด้านบ้านพักและห้องน้ำในบ้านพัก ด้านลานกางเต็นท์ และด้านห้องน้ำภายในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้ดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีนักท่องเที่ยวร่วมแสดงความคิดเห็นและความพึงพอใจจำนวนทั้งสิ้น 4,478 ครั้ง แยกในแต่ละด้านดังนี้
- ด้านการบริการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ จำนวน 1,987 ครั้ง อุทยานแห่งชาติ 100 แห่ง มีผลวิเคราะห์แบบสำรวจด้านการบริการอยู่ในเกณฑ์ดีมาก 81.05 %
- ด้านบ้านพักนักท่องเที่ยว จำนวน 804 ครั้ง อุทยานแห่งชาติ 81 แห่ง มีผลวิเคราะห์แบบสำรวจ ด้านบ้านพักนักท่องเที่ยวและห้องน้ำในบ้านพักนักท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดีมาก 64.91 %
- ด้านลานกางเต็นท์ จำนวน 614 ครั้ง อุทยานแห่งชาติ 60 แห่ง มีผลวิเคราะห์แบบสำรวจ ด้านลานกางเต็นท์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 76.13 %
- ด้านห้องน้ำ จำนวน 1,073 ครั้ง อุทยานแห่งชาติ 103 แห่ง มีผลวิเคราะห์แบบสำรวจ ด้านห้องน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก 69.04 %
เรื่องที่ 4. โครงการ Passport ท่องเที่ยวไทยหัวใจสีเขียว สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการ “เที่ยวอุทยานแห่งชาติไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ ให้ความรู้ กฎระเบียบ ข้อควรปฏิบัติในการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ โดยจัดทำพาสสปอร์ต ท่องเที่ยวไทย หัวใจสีเขียว (Green heart Passport) ในการรณรงค์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประกอบกิจกรรมนันทนาการและการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการขยะและขยะอันตราย หรือการงดการใช้โฟมและงดการใช้พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง และการเชิญชวนนักท่องเที่ยวนำขยะกลับบ้านหรือร่วมกิจกรรมขยะคืนถิ่น ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวและเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 พร้อมทั้งมีข้อมูลที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ จำนวน 1 ล้านเล่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติทั้ง 155 แห่ง โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับแจก พาสสปอร์ต ท่องเที่ยวไทย หัวใจสีเขียว เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมโครงการที่เป็นการสะสมความดีจากการร่วมกิจกรรมขยะคืนถิ่น เพื่อสะสมคะแนนสำหรับแลกของที่ระลึก โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สะสมตราประทับที่เป็นตราสัญญลักษณ์ของอุทยาแห่งชาติที่เข้าไปท่องเที่ยว พร้อมลายเซ็นรับรองรองของเจ้าหน้าที่ ให้ครบ 10 ดวง ตามข้อกำหนดที่จะได้รับการประทับตรา เช่น ไม่สร้างขยะด้วยการเตรียมอุปกรณ์มาเอง ได้แก่ ขวดน้ำ แก้วน้ำ ปิ่นโต กล่องข้าง ถุงผ้า เป็นต้น เพียงแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู จะได้รับตราประทับ จำนวน 2 ดวง เป็นต้น โดยหากนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการได้รับตราประทับครบ 10 ดวงจะได้บัตรจำนวน 1 ใบ ซึ่งบัตรนี้จะใช้ยกเว้นค่าบริการผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติได้ และเริ่มใช้ได้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ส่วนรายละเอียดอื่นๆ สามารถสอบถามได้ที่ ส่วนจัดการท่องเที่ยวและนันทนาการ สำนักอุทยานแห่งชาติ โทร 02561 0777 ต่อ 1742 หรือ Facebook เพจสำนักอุทยานแห่งชาติ
เรื่องที่ 5. มาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่
สำหรับในช่วงเทศกาลวันหยุดช่วงปีใหม่ 2563 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีหนังสือสั่งการให้อุทยานแห่งชาติดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เช่น จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริการและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติช่วงเทศกาลท่องเที่ยว โดยจัดให้เป็น 2 ช่วง คือช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2562 – 2 มกราคม 2563 และ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 – 16 เมษายน 2563 เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง โดยให้อุทยานแห่งชาติ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริการและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ให้เตรียมความพร้อมกำลังพล ยานพาหนะ การสื่อสารทุกชนิด อุปกรณ์การเตือนภัย กู้ภัย และปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้านต่างๆ อีกทั้งจัดให้มีชุดกู้ภัยประจำอุทยานแห่งชาติด้วย และจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อฉุกเฉิน ติดไว้บริเวณหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือที่ทำการอุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งรณรงค์และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวไม่นำบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งและภาชนะที่ทำด้วยโฟมเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ และงดเว้นการดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตลอดจนห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ และกำชับเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดของบริเวณต่างๆโดยเฉพาะห้องน้ำห้องส้วม จัดระเบียบการกางเต็นท์และสถานที่จอดรถให้เหมาะสม และป้องกันการรบกวนและการส่งเสียงดังของนักท่องเที่ยว
เรื่องที่ 6. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก 8 ชนิด
นายพงษ์ศักดิ์ พลเสนา ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริม สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับนักพฤกษศาสตร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ สำรวจพรรณไม้จากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในโครงการพรรณพฤกษชาติประเทศไทย หรือ โครงการ Flora of Thailand ค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก จำนวน 8 ชนิด อยู่ในสกุลหางเสือ (Platostoma) วงศ์กะเพรา (Lamiaceae) 5 ชนิด ได้แก่ กะเพราถ้ำพระ ม่วงบุศบรรณ เห็มรัตน์ภูลังกา ข้าวตอกภูแลนคา และม่วงศรีโพธิ์ไทร สกุลขะเจ๊าะ (Millettia) วงศ์ถั่ว (Fabaceae) 2 ชนิด ได้แก่ หางไหลภูวัวและหางไหลทุ่งใหญ่ และสกุลเอื้องกลีบม้วน (Laparis) วงศ์กล้วยไม้ (Orchidaceae) 1 ชนิด คือ เอื้องโกเมนพุทธวงศ์ ซึ่งพรรณไม้ทั้ง 8 ชนิดนี้ เป็นพรรณไม้ที่พบเฉพาะในประเทศไทย (endemic species) และการค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ส่งตีพิมพ์ประกาศเป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ในวารสารทางพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติ ตามกฎการตั้งชื่อพืชตามระบบชื่ออนุกรมวิธานพืชสากล
เนื่องจากพรรณไม้ชนิดใหม่ที่ค้นพบในครั้งนี้ เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบเพียงไม่กี่แห่งและมีประชากรไม่มาก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะหามาตรการในการอนุรักษ์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ และอุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนมและจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นบริเวณที่ค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกมากถึง 30 ชนิด รวมทั้งจะร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการศึกษาหาแนวทางขยายพันธุ์ แล้วนำกลับไปปลูกฟื้นฟูในป่าธรรมชาติต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอชี้แจงข่าวเพิ่มเติม กรณี กิจกรรม greenheart passport ท่องเที่ยวไทย หัวใจสีเขียว
1. นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม และได้ตราประทับอุทยานแห่งชาติ ในเล่ม greenheart passport ซึ่งคาดว่าจะแจกจ่ายได้ในช่วงสิ้นปี 2562 นี้ ในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่สามารถสะสมตราประทับอุทยานแห่งชาติได้ถึง 10 ดวง ก็จะได้รับบัตรประชาสัมพันธ์เข้าอุทยานแห่งชาติโดยไม่คิดค่าบริการ สำหรับบุคคลชาวไทย ซึ่งมีจำกัดเพียง 20,000 ใบเท่านั้นทั่วประเทศ และบัตรประชาสัมพันธ์เข้าอุทยานแห่งชาตินี้ สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553
2. หากนักท่องเที่ยวท่านใด ที่สะสมตราประทับครบ 10 ดวง แม้จะได้รับบัตรประชาสัมพันธ์เข้าอุทยานแห่งชาติไปแล้ว หรือยังไม่ได้รับ ก็ยังมีสิทธิลุ้นรับของที่ระลึกที่เข้าร่วมกิจกรรม greenheart passport โดยให้ตัดชิ้นส่วนในเล่ม passport ที่มีตราประทับดวงที่ 10 และลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ที่ให้ตราประทับดวงที่ 10 พร้อมทั้งเขียนชื่อ ที่อยู่ แล้วส่งชิ้นส่วนที่อุทยานแห่งชาติได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 (หมดเขตรับชิ้นส่วน) เพื่อลุ้นรับของที่ระลึก โดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้ของที่ระลึก ภายในวันที่ 30 เมษายน 2563