กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนประชาชนกินเลี้ยงปีใหม่ เลี่ยงการปุรงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงด้วยความร้อนอย่างทั่วถึง หรือกินผักสดที่ล้างไม่สะอาด มีโอกาสเสี่ยงปนเปื้อนพยาธิ อุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษตามมา
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการปรุงประกอบอาหารกินเลี้ยงในช่วงปีใหม่ โดยให้เลี่ยงการปรุงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ว่า อาหารกินเลื้ยงในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักนั้น ผู้ประกอบอาหารต้องเลือกซื้อและปรุงด้วยความร้อนให้สุกทั่วถึงหรือปรุงด้วยความร้อน 70 องศาเซลเซียส ในเวลา 5 -10 นาที ซึ่งความร้อนนี้สามารถทำให้พยาธิและเชื้อโรคตายได้ เพื่อสุขอนามัยที่ดี เนื่องจากอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือที่ไม่ผ่านความร้อนเลย รวมถึงใช้ความร้อนในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ลาบหมู ก้อยเนื้อ ที่มักจะรวนเนื้อสัตว์พอสุกเท่านั้นแล้วใส่เครื่องปรุง และเน้นรสชาติที่เผ็ดจัดหรือเปรี้ยวจัด อาจทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิตัวตืด ซึ่งเกิดจากตัวอ่อนของพยาธิที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่คล้ายเม็ดสาคู รวมทั้งการปนเปื้อนเชื้อโรคที่เป็นอันตรายและสารพิษตกค้างที่อาจก่อให้เกิด เช่น โรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังในการบริโภคอาหารเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการปรุงประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูใด ต้องปรุงประกอบให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติ ที่ดี โดยใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่สะอาด มีการปกปิด ผู้ปรุงไม่ใช้มือหยิบจับอาหารปรุงสำเร็จโดยตรง สวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม ส่วนวัตถุดิบควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดที่ได้มาตรฐาน ตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย
“สำหรับผักสดก่อนกินหรือนำผักมาปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ และพยาธิ ด้วย 3 วิธี ได้แก่ 1) ล้างด้วยน้ำไหลโดยแช่น้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลแรงพอประมาณ คลี่ใบผักถูไปมาประมาณ 2 นาที 2) ใช้น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด และ 3) ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา โดยใช้ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร แช่นาน 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไปรวมถึงผักที่มีปล้อง เช่น ผักกะเฉด ผักบุ้ง ควรล้างน้ำหลายๆ ครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านอย่างน้อย 2 นาที เพื่อความปลอดภัยและลดการปนเปื้อนของสารเคมีและยาฆ่าแมลง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***