“พาณิชย์” ชี้โอกาสขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเวียดนาม

           กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้การขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเวียดนามไม่ง่ายอย่างที่คิด เหตุมีการแข่งขันกันสูง รายใหญ่หลายรายต่างประสบภาวะขาดทุน แนะผู้ส่งออกไทยควรศึกษาการทำตลาดออนไลน์ เหตุอนาคตเติบโตแน่ แต่ในระหว่างนี้ ต้องใช้ช่องทางออฟไลน์ควบคู่ไปด้วย

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ถึงแนวโน้มการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในตลาดเวียดนาม โดยสำนักงานฯ ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตลาดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่ในขณะเดียวกัน ก็พบว่า ผู้ทำธุรกิจรายใหญ่หลายรายของเวียดนามต่างประสบปัญหาการขาดทุน เพราะธุรกิจได้ทุ่มเงินในกิจกรรมส่งเสริมการขายและทำตลาดเป็นจำนวนมากในการดึงดูดผู้ซื้อใหม่ๆ และแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด และมีการเสนอสินค้าราคาพิเศษ ส่วนลด หรือโปรโมชั่น ทำให้กระทบต่อต้นทุนการทำธุรกิจ และยิ่งธุรกิจรายเล็กหรือธุรกิจท้องถิ่น บางรายต้องปิดกิจการไป เพราะสู้ไม่ไหว

สำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในเวียดนามที่ประสบปัญหาขาดทุน เช่น บริษัทเทคโนโลยีเวียดนาม VNG ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในเว็บไซต์ขายปลีกออนไลน์ tiki.vn มีผลดำเนินงานในปี 2017 ขาดทุนเพิ่มเป็น 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดทุนต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น และหลังจากนั้นต้นปี 2018 JD.com ก็ได้เข้ามาเพิ่มทุนใน tiki.vn อีก 44 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ผลประกอบการก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนบริษัท Sea ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Shopee มียอดขาดทุนเพิ่ม 3 เท่าในทุกไตรมาสตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2018 เพราะทุ่มงบกิจกรรมทางการตลาดสูงถึง 127.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Alibaba ได้อัดฉีดเงินในกลุ่ม Lazada เพิ่มอีก 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผลให้งบลงทุนสะสมเพิ่มเป็น 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนาม ยังมีปัญหาท้าทายและเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของการค้าออนไลน์ ก็คือ ระบบโลจิสติกส์ การส่งมอบสินค้า การจัดเก็บสินค้า และการชำระเงิน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคร้อยละ 80 เลือกวิธีชำระเงินแบบ Cash on Delivery ส่วนการชำระเงินด้วยระบบเครดิตและบัตรเครดิตยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนเวียดนาม และเวียดนามไม่มีระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ   โดยบริษัท DHL eCommerce Vietnam ให้ข้อมูลว่าต้นทุนโลจิสติกส์มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 60-70 ของการค้าออนไลน์

สำหรับผู้ประกอบการไทย ที่ควรจะต้องศึกษาการทำตลาดด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ เพราะปัจจุบันแม้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเวียดนามจะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของมูลค่าการค้าปลีกทั้งหมด แต่มีอัตราเติบโตสูงมากถึงร้อยละ 25 ในปี 2017 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราดังกล่าวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 และปี 2021 รายได้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากคนรุ่นใหม่ การมีรายได้เพิ่มขึ้น มีการใช้สมาร์ทโฟนและเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในการขยายการค้าออนไลน์ของไทยในตลาดเวียดนาม ผู้ประกอบการควรจะมองหาลู่ทางและใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์ โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำตลาดในเวียดนามอยู่แล้ว และปัจจุบันเป็นพันธมิตรกับกรมฯ ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการทำตลาดเวียดนาม แต่ในช่วงที่การค้าออนไลน์ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยม ก็ต้องใช้ช่องทางการค้าปลีกแบบเดิม ทั้งการจำหน่ายผ่านผู้ซื้อ ผู้นำเข้า หรือการเข้าไปเปิดร้านค้า ร้านสาขา เพื่อจำหน่ายตรงให้กับผู้บริโภคไปก่อน ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดเวียดนามได้เพิ่มขึ้น

******************************