“อาชีวะร่วมส่งมอบผ้าห่มต้านภัยหนาว”

กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พร้อมด้วยหน่วยงานในพื้นที่ สมาคมสตรีจังหวัดแม่ฮ่องสอน อาสาร่วมพัฒนาแม่ฮ่องสอน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมจัดพิธีมอบผ้าห่มกันหนาว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 2,750 ผืน แก่นักเรียนและประชาชนที่ประสบภัยหนาวในพี้นที่ถิ่นทุรกันดาร 8 อำเภอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ โรงเลื่อยเก่าแม่สะเด็จ อำเภอเมือง โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ร่วมด้วยนายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายนรา เหล่าวิชยา รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และผู้แทนหน่วยงาน เข้าร่วมงาน

นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการให้ความช่วยเหลือกับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารที่ประสบภัยหนาวในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มอบหมายให้วิทยาลัยเทคนิคโพธาราม สาขาเทคโนโลสิ่งทอ ผลิตผ้าห่มกันหนาว เพื่อมอบแก่ผู้ประสบภัยหนาว จำนวน 1,000 ผืน โดยมอบให้ผู้ที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 500 ผืน ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านดอนแสง ตำบลปางหมู อำเภอเมือง นักเรียน ผู้ปกครองและประชาชน จำนวน 107 คน โรงเรียนบ้านในสอย โรงเรียนบ้านสบสอย และโรงเรียนบ้านไม้สะเป่ ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จำนวน 393 คน และจะส่งมอบผ้าห่มกันหนาวในจังหวัดเลย 500 ผืน เพื่อนำไปมอบแก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ต่อไป

นอกจากนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารจะได้รับผ้าห่มกันหนาวเพื่อบรรเทาความหนาว ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติแล้ว นักศึกษาอาชีวศึกษายังได้บำเพ็ญประโยชน์ มีจิตบริการ เกิดความร่วมมือร่วมใจ เกิดความสามัคคี อาสาทำงานเพื่อสังคม ใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า และนำทักษะวิชาชีพมาบูรณาการให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา ซึ่งการผลิตเครื่องนุ่งห่มกันหนาวในครั้งนี้ เป็นผลผลิตจากการเรียนการสอนของนักศึกษา สาขาสิ่งทอ ของวิทยาลัยเทคนิคโพธาราม ซึ่งจะทำให้เห็นศักยภาพของนักศึกษาอาชีวะที่สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับจากการเรียนมาบูรณาการช่วยเหลือชุมชนและสังคม อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในวิชาชีพอันจะเป็นแนวทางในการนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไปได้