“อธิบดีกรมประมง” นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ลุยติดตามการขึ้นทะเบียนเรือประมงพื้นบ้าน หลังออกประกาศฯ พบชาวประมงเริ่มตื่นตัวเป็นอย่างมาก

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2562 นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนาวาเอกจิระ มิตรดี รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล จังหวัดเพชรบุรี นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามการขึ้นทะเบียนเรือไทยสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร

ตามที่รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบริหารจัดการกองเรือขนาดเล็กโดยออกประกาศให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านที่มีเรือต่ำกว่า 10 ตันกรอส ทั้งที่มีทะเบียนเรือไทย และไม่มีทะเบียนเรือดำเนินการแจ้งต่อหน่วยงานกรมเจ้าท่าที่เรือจอดอยู่เพื่อทำการตรวจวัดขนาดและจัดทำอัตลักษณ์ ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของเรือและยังไม่ได้จดทะเบียนเรือไทย ให้ยื่นขอหนังสือรับรองจากกรมประมง เพื่อนำไปประกอบการจดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่าหลังการตรวจวัดขนาดและจัดทำอัตลักษณ์ โดยให้ยื่นขอหนังสือรับรองได้ที่พื้นที่ประมงกรุงเทพมหานคร กรมประมง ส่วนในต่างจังหวัดให้ยื่นที่สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานประมงอำเภอท้องที่ติดทะเลทั้ง 22 จังหวัด ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 นั้น

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าว หลังจากที่กรมประมงได้ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและออกหนังสือรับรองเพื่อประกอบการยื่นขอจดทะเบียนเรือไทยสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้และเริ่มดำเนินการไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา  ปรากฏว่าชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเป็นอย่างดี มีการเดินทางเข้ามาขอหนังสือรับรองจากหน่วยงานในสังกัดกรมประมงอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีจำนวนรวมกว่า2,885 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2562)

ในโอกาสนี้ กรมประมงจึงได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการออกหน่วยบริการเพื่อออกใบรับรองสำหรับเรือประมงพื้นบ้านให้แก่ชาวประมง พร้อมพบปะพูดคุยกับผู้นำชาวประมงถึงปัญหาในการประกอบอาชีพ ซึ่งจังหวัดเพชรบุรีถือเป็นพื้นที่ที่มีการทำประมงพื้นบ้านอย่างหลากหลาย อาทิ การทำประมงด้วยเครื่องมือตะกร้อเก็บหอย เบ็ดมือ ลอบปู ลอบหมึกสาย ลอบหอยหวาน อวนครอบหมึก อวนจมกุ้ง อวนจมปู อวนจมปลา อวนติดตา อวนแมงกะพรุน และอวนลอยปลา เป็นต้น ทั้งนี้ จากการออกหน่วยบริการดังกล่าวทำให้ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีตื่นตัวเป็นอย่างมากกับการขอหนังสือรับรองจากกรมประมงเพื่อนำไปประกอบการจดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่าแล้ว จำนวน 142  ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2562) ซึ่งคาดว่าจะมีเรือประมงพื้นบ้านที่ยังไม่ได้มาจดทะเบียนเรือของจังหวัดเพชรบุรี อีกประมาณ 1,000 ลำ

อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่อื่นๆ กรมประมงขอเน้นย้ำว่า เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ของตน ขอให้เจ้าของเรือประมงพื้นบ้านทุกลำไปแจ้งขอตรวจวัดเรือกับหน่วยงานกรมเจ้าท่า ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ส่วนเรือที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเรือต้องมายื่นขอหนังสือรับรองจากกรมประมง ภายใน 27 ธันวาคม 2562 นี้เท่านั้น หากมีข้อสอบถามให้ติดต่อได้ที่กลุ่มทะเบียนและอนุญาตทำการประมง กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมง เบอร์โทรศัพท์ 02-561 1418 ในวันและเวลาราชการ

อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า และเนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม 2562 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร คณะผู้บริหารกรมประมงและสื่อมวลชนจึงได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ทะเลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณธนาคารปูม้าหาดเจ้าสำราญ-แหลมผักเบี้ย อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โดยพันธุ์สัตว์น้ำที่ใช้ปล่อย ประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วย ขนาด P15 จำนวน 299,999 ตัว ปลานวลจันทร์ทะเล ขนาด 5-6 นิ้ว จำนวน 999 ตัว  และปูม้า ขนาดกระดองกว้าง 8-10 เซนติเมตร จำนวน 99 ตัว

เอกสารประกอบการแถลงข่าว การจดทะเบียนเรือไทยสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน

โดยอธิบดีกรมประมง (นายมีศักดิ์ ภักดีคง) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้องประชุมกุลาดำ อาคารจุฬาภรณ์ ชั้น 7 กรมประมง

  • ตามที่รัฐบาลได้มุ่งมั่นในการบริหารจัดการกองเรือประมงไทย ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับการทำการประมงอย่างรับผิดชอบและถูกกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องจนนำประเทศไทยไปสู่ใบเขียว จากสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562
  • ในช่วงแรก ของการจัดการปฏิรูปกองเรือประมงไทย รัฐบาล ได้มุ่งเน้นไปที่กองเรือประมงพาณิชย์ หรือเรือประมงขนาดใหญ่ มาสู่รอบนี้ซึ่งเป็นการบริหารจัดการกองเรือขนาดเล็ก ซึ่งเป็นชาวประมงส่วนใหญ่ของประเทศ และหารายได้เลี้ยงชีพจากการทำการประมง อย่างแท้จริง
  • ที่ผ่านมารัฐบาล รับรู้ปัญหาของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านตลอดมาเกี่ยวกับการเรียกร้องให้มีการเปิดให้จดทะเบียนเรือพื้นบ้าน ซึ่งมี อยู่มากกว่า 20,000 ลำ ในท้องที่จังหวัดชายทะเล
  • รัฐบาลจึงประกาศให้มีการจดทะเบียนเรือพื้นบ้าน ทั้งที่ มีทะเบียนเรือไทย และไม่มีทะเบียนเรือไทย ที่มีขนาดไม่ถึง 10 ตันกรอส นำเรือมาให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบและทำเครื่องหมายที่แสดงอัตลักษณ์เรือ โดยยื่นคำขอ ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ในพื้นที่จังหวัดชายทะเล ทั้ง 22 จังหวัด ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2562
  • กรณีเรือที่มีทะเบียนเรืออยู่แล้ว เมื่อกรมเจ้าท่าตรวจวัดขนาดเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะทำการแก้ไขรายการในใบทะเบียนเรือและใบอนุญาตใช้เรือ หากมีขนาดสิบตันกรอสขึ้นไป ให้ทำการประมงพื้นบ้านได้จนกว่ากรมประมงจะเปิดให้มีการยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ รอบปีการประมง 2563
  • กรณีเรือที่ยังไม่มีทะเบียนเรือไทย เจ้าของเรือต้องมีหนังสือรับรองจากกรมประมง เพื่อประกอบการขอจดทะเบียนเรือไทยกับกรมเจ้าท่าภายหลังการตรวจวัดขนาด และจัดทำอัตลักษณ์เรือ
  • การขอหนังสือรับรองจากกรมประมง มีหลักเกณฑ์และขั้นตอน ดังนี้

o ช่วงเวลาในการยื่นคำขอ ตั้งแต่วันที่ 2 – 27 ธันวาคม 2562

o สถานที่ยื่นคำขอ

  • ในกรุงเทพมาหานคร ยื่น ณ สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรมประมง
  • ในจังหวัดอื่น ยื่นได้ ณ สำนักงานประมงจังหวัด หรือสำนักงานประมงอำเภอท้องที่ติดทะเล ทั้ง 22 จังหวัด 100 อำเภอ

เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นคำขอ

  1. แสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
  2. หนังสือมอบอำนาจ พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตร ประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ (กรณีที่มีการมอบอำนาจ)
  3. หนังสือยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครอง (กรณีที่ผู้ขอยังไม่บรรลุนิติภาวะ)
  4. ภาพถ่ายเรือประมงเต็มลำ ทั้งทางด้านซ้าย1รูปและด้านขวา1 รูป

หลักเกณฑ์ในการออกหนังสือรับรองเรือพื้นบ้าน ของกรมประมง

  1. คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับหนังสือรับรองฯ

1) เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย และมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี

2) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 39 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

  1. คุณสมบัติของเรือที่จะได้รับหนังสือรับรอง

1) เรือประมงจะต้องมีขนาดไม่ถึง 10 ตันกรอส

2) เป็นเรือที่ใช้ทำการประมง หรือทำการประมงและบรรทุกคนโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์

3) เป็นเรือที่ไม่เคยถูกใช้ในการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประมง

4) เป็นเรือที่ต้องไม่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการประมง

  1. หลักเกณฑ์ด้านการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำ

1) มีความสอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่

สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน

2) กรมประมงจะพิจารณาออกหนังสือรับรองให้จดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 1 คน ต่อ 1 ลำ

  • กรณีเรือที่ยังไม่มีทะเบียนเรือไทย และมีขนาดภายหลังการตรวจวัดขนาดและจัดทำอัตลักษณ์ของกรมเจ้าท่าแล้ว มีขนาดตั้งแต่สิบตันกรอสขึ้นไป ซึ่งจัดเป็นเรือประมงพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เมื่อกรมประมงจะพิจารณาในการออกหนังสือรับรองอีกครั้งภายหลังได้รับข้อมูลการตรวจวัดขนาดเรือทั้งหมดจากกรมเจ้าท่า
  • และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการเปิดให้จดทะเบียนเรือประมงแก่ชาวประมงพื้นบ้าน ในครั้งนี้กรมประมง ได้สั่งการให้ประมงจังหวัดบูรณาการในการทำงานกับหน่วยงานสังกัดกรมประมงในพื้นที่ อำนวยความสะดวกแก่ชาวประมงทั้งในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เกาะแก่งต่างๆ ในทุกช่องทาง เพื่อให้เรือทุกลำได้รับการจดทะเบียนเบียนเรือเป็น 100 % ในทุกจังหวัด

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ของตนเอง ขอเน้นย้ำว่าให้พี่น้องชาวประมงที่เป็นเจ้าของเรือประมง พื้นบ้านทุกลำ ทั้งที่มีทะเบียนเรือและยังไม่มีทะเบียนเรือ ต้องไปแจ้งขอตรวจวัดขนาดและจัดทำอัตลักษณ์เรือต่อหน่วยงานกรมเจ้าท่าในท้องที่จังหวัดชายทะเล ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ส่วนเรือที่ยังไม่มีทะเบียนเรือ ให้เจ้าของเรือหรือผู้รับมอบอำนาจ ยื่นขอหนังสือรับรองจากกรมประมง ณ สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรมประมง สำนักงานประมงอำเภอ หรือสำนักงานประมงจังหวัดท้องที่ติดทะเล ทุกจังหวัด ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 หากมีข้อสอบถามให้ติดต่อได้ที่กลุ่มทะเบียนและอนุญาตทาการประมง กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมง เบอร์โทรศัพท์ 02-561 1418 ในวันและเวลาราชการ