วีรศักดิ์นำทีมลงพื้นที่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ…ปลุกเอกชน เร่งปั้นธุรกิจรองรับสังคมผู้สูงอายุ หวังเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทยวัยเกษียณ

รมช.พณ.ลงพื้นที่เยี่ยมธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ พร้อมจับเข่าคุยรับฟังปัญหาและอุปสรรคในธุรกิจ ออกสตาร์ทไปแห่งแรกที่ เดอะ ซีนิเซนส์ เนอสซิ่งโฮม และรพ.ผู้สูงอายุเฌ้อสเซอรี่โฮม เป็นสถานที่ดูแลผู้สูงอายุระดับพรีเมี่ยม จากนั้นไปต่อที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เอเชียเนอร์สซิ่งโฮม สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ปานกลาง โดยทั้ง 2 แห่งให้บริการดูแลแบบครบวงจรตั้งแต่บริการทางการแพทย์จนถึงที่พัก…มั่นใจนักธุรกิจไทย มีศักยภาพช่วยดันธุรกิจนี้ไปต่อได้แน่! และกระทรวงฯ จะเร่งหาแนวทางจูงใจให้เอกชนมาลงทุนเพิ่มขึ้น เติมช่องว่างในตลาดให้เต็ม รองรับการไปสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในปี 2573

 

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งพัฒนาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศให้มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล และแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะมีสถานดูแลผู้สูงอายุที่เป็นสวัสดิการให้บริการประชาชนอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่า มีจำนวนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่จัดตั้งโดยบุคคลธรรมดาในไทยทั้งหมดกี่ราย เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายบังคับให้ธุรกิจนี้ต้องจดทะเบียนธุรกิจ อย่างไรก็ตาม จากฐานข้อมูลของกรมฯ พบว่า มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่จดทะเบียนนิติบุคคลในปี 2561 จำนวน 273 ราย มีรายได้รวมจำนวน 175.24 ล้านบาท (จากผู้ยื่นงบการเงิน 165 ราย) ดังนั้น จึงต้องเร่งหาวิธีสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้สูงอายุที่แตกต่างกันไป ประกอบกับรองรับจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยที่คาดการณ์ว่าในปี 2573 จะมีสัดส่วนมากถึง 17.4 ล้านคน หรือร้อยละ 26.57 ของประชากรทั้งหมดในประเทศ หากปล่อยให้ผู้สูงอายุในจำนวนนี้ไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีหรือไม่สามารถดูแลตนเองได้ก็จะทำให้ภาครัฐขาดกำลังคนที่สำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

รมช. พณ. กล่าวต่อว่า “ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562)ได้มีโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการ  ดูแลผู้สูงอายุของภาคเอกชน พร้อมกับได้พบปะพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจ เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ สำหรับนำมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์สถานการณ์ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของประเทศไทย และจะได้กำหนดทิศทางได้อย่างตรงจุด โดยได้เดินทางไปยังสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นระดับมืออาชีพและให้บริการที่ตอบสนองต่อผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อแตกต่างกัน จำนวน 2 แห่ง ดังนี้ แห่งที่ 1 เดอะ ซีนิเซนส์ เนอสซิ่งโฮม (The SENIZENS) เป็นโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป และช่วยเหลือตัวเองได้น้อย โดยมีการออกแบบอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ สร้างสังคมและกิจกรรมที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุที่เข้ามาพักอาศัยมีค่าบริการห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่ 35,000-98,000 บาท และโรงพยาบาลผู้สูงอายุเฌ้อสเซอรี่โฮม (Chersery home) บริหารงานโดย บริษัท เค.พี.เอ็น.ซีเนียร์ลิฟวิ่ง จำกัด ให้บริการด้านการฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงวัยในทุกมิติทางด้านการแพทย์และการดูแลต่อเนื่องในระยะสั้น-ยาว หลังออกจากโรงพยาบาล โดยทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์ภายใต้บรรยากาศที่ดีและเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ มีค่าบริการห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่ 58,000-125,000 บาท”

“และแห่งที่ 2 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เอเชีย เนอร์สซิ่งโฮม (Asia Nursing Home) บริหารงานโดย บริษัท บางกอก เฮลท์แคร์เซอร์วิส จำกัด เป็นสถานที่รับดูแลผู้สูงอายุทั้งที่ช่วยเหลือตัวเองได้และไม่ได้ มีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และให้บริการกายภาพบำบัดจากมืออาชีพ มีค่าบริการห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่ 25,000-35,000 บาท จากการเยี่ยมชมในครั้งนี้ทำให้มองเห็นภาพอนาคตของการพัฒนาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุได้ชัดเจนมากขึ้น และเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของ  ผู้ประกอบธุรกิจไทยที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ การออกแบบที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงอายุ การบริการท่องเที่ยว บริการทางการเงิน ประกันสุขภาพ/ชีวิต การออกแบบโภชนาการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ สถานที่ออกกำลังกาย/ที่ทำกิจกรรม และการบริการจัดงานศพแบบครบวงจร เป็นต้น”

“ดังนั้นในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์จึงมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมธุรกิจดูแลผู้สูงอายุทั้งด้านการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจและมีมาตรฐานตามหลักสากล การพัฒนาศักยภาพการตลาดให้ธุรกิจกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน และสร้างโอกาสทางการตลาดให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุเพื่อเข้าสู่ตลาดออนไลน์ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญเพราะปัจจุบันวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้สูงอายุได้เปลี่ยนไปจากเดิมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยมองว่าชีวิตหลังเกษียณคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง และมีการเข้าสังคมในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น อาทิ การออกกำลังกาย การท่องเที่ยวแบบทัวร์ หรือการใช้ Social Media สื่อสารระหว่างเพื่อนและลูกหลาน เป็นต้น”

“ทั้งนี้หากพิจารณาเชิงลึกแล้วจะเห็นว่าธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยมีความได้เปรียบเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในด้านการแข่งขัน เนื่องจากภาพลักษณ์ความเป็นไทยในสายตาชาวต่างชาติที่มีจิตใจรักงานบริการ   มีรอยยิ้มที่เป็นอัตลักษณ์ของชาติ มากไปกว่านั้นไทยยังมีความพร้อมและความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ที่โด่งดัง ในระดับโลก สิ่งเหล่านี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบธุรกิจไทยที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย

#วีรศักดิ์ดูแล

#WeerasakTakeCare

********************************

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า