เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปีที่ 17 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีแผนที่จะพัฒนาโครงการ กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยใช้น้ำต้นทุนจากแหล่งน้ำบาดาล โดยอาจจะสร้างเป็นแหล่งเก็บน้ำบนดิน หรือแหล่งเก็บน้ำใต้ดิน เพื่อกระจายน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทาน และพื้นที่ที่ขาดแคลนแหล่งน้ำผิวดิน ขณะนี้ได้เตรียมการศึกษาสภาพของแหล่งน้ำบาดาล และพื้นที่ที่เหมาะสมในการดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2564
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2563 กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีแผนงานสนับสนุน ส่งเสริมการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ขาดแคลนแหล่งน้ำและอยู่ในพื้นที่นอกเขตชลประทานเพื่อให้ประชาชนได้มีน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ขาดแหล่งน้ำบาดาล กรมฯ จะใช้วิธีการกระจายน้ำจากพื้นที่ใกล้เคียงที่มีแหล่งน้ำบาดาลต้นทุนมากส่งให้ประชาชนในพื้นที่ขาดแคลน ขณะนี้กำลังเร่งสำรวจพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป ในส่วนของการสนับสนุนน้ำบาดาลในพื้นที่การเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีหน้าที่โดยตรงในการสำรวจ ออกแบบ และสร้างระบบน้ำบาดาลในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่อยู่แล้ว และจะดำเนินการในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะทยอยทำไปตามงบประมาณที่ได้รับมา
ส่วนเรื่องการเติมน้ำใต้ดินก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของกรมฯ ที่จะดำเนินการ แต่ไม่ได้หมายความทุกพื้นที่จะสามารถเติมน้ำใต้ดินได้ จะต้องดูความเหมาะสมของพื้นที่แต่ละแห่งด้วยว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และที่สำคัญคือต้องให้ความรู้กับประชาชนควบคู่ไปด้วย ซึ่งได้แจกจ่ายคู่มือเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นพร้อมทั้งยังเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (www.dgr.go.th) แต่เนื่องจากงบประมาณปี 2563 ยังไม่ผ่านสภาฯ งบดำเนินการในโครงการต่างๆ จึงยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ระหว่างนี้กรมจะได้ศึกษาข้อมูลแหล่งน้ำบาดาล ความเหมาะสมของพื้นที่เตรียมพร้อมไว้ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ทันทีที่ได้รับงบประมาณ คาดว่าจะได้รับงบประมาณในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งจะเป็นช่วงที่เริ่มขาดแคลนน้ำ และมีการประกาศวิกฤตภัยแล้งเป็นประจำทุกปี ดังนั้น กรมฯ ได้เสนอของบกลางไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดหาแหล่งน้ำบาดาลสำหรับเกษตรแปลงใหญ่ โดยบูรณาการระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งทันที
————————————–