ปลดล็อกแล้ว!! คำสั่งระงับกิจกรรมทุนโครงการความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข สธ.เผย 4 แนวทางปรับตัวช่วงทุนชะงัก

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยโครงการความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุขกลับมาเดินหน้าต่อ หลัง US CDC มีประกาศปลดล็อกคำสั่งระงับกิจกรรมภายใต้ทุนสนับสนุน และอนุมัติค่าใช้จ่ายจากการหยุดกิจกรรม การทำตามกฎหมายแรงงานและความปลอดภัยทรัพย์สินภายใต้ระเบียบของทุน พร้อมแจง 4 แนวทางขับเคลื่อนโครงการช่วงการสนับสนุนทุนหยุดชะงัก

วันที่ 2 มีนาคม 2568 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนางานด้านสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเฉพาะการควบคุมโรคติดต่อ การพัฒนาระบบสาธารณสุข และการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ โดยในปีงบประมาณ 2568 มีการดำเนินโครงการตามข้อตกลงความร่วมมือด้าน Non-Research จำนวน 31 โครงการ ได้รับทุนสนับสนุนงบประมาณ 279.1 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US CDC) ได้ส่งประกาศข้อกำหนดและเงื่อนไขของการสนับสนุนงบประมาณ (Notice Of Award) แจ้งให้ยกเลิก หยุด ระงับ หรือจำกัดกิจกรรมภายใต้ทุนที่ออกหลังจากวันที่ 24 มกราคม 2568 ตามคำสั่งผู้บริหารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ได้แจ้งยกเว้นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบจาก PREFAR ให้ดำเนินการกรณีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและรักษา HIV และวัณโรคซึ่งเกิดจาก HIV ซึ่งเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้ เช่น การจัดหายา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจัดเก็บ และการกระจายเวชภัณฑ์ เป็นต้น

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ล่าสุด US CDC ได้ส่ง Notice Of Award มาเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 แจ้งรายละเอียดคำสั่งจากศาลแขวงสหรัฐฯ ในโรดไอแลนด์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ว่าให้ยกเลิกคำสั่งระงับกิจกรรมอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสามารถดำเนินกิจกรรมโครงการต่อได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของทุน และในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการระงับกิจกรรม ค่าใช้จ่ายที่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและความปลอดภัยของทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อน วันที่ 24 มกราคม 2568 ให้เบิกจ่ายได้ภายใต้ระเบียบข้อบังคับของทุน ยกเว้นการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งและการทำหมันโดยไม่สมัครใจ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลง US CDC จะแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป

“เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดี ทำให้ขณะนี้โครงการความร่วมมือต่างๆ กลับมาดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณสำหรับให้บริการอยู่แล้ว เงินทุนสนับสนุนดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการดำเนินงานตามความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข โดยช่วงที่มีการระงับกิจกรรมภายใต้ทุนสนับสนุนฯ กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้าโครงการต่อผ่าน 4 แนวทาง คือ 1.จัดสรรงบประมาณภายในประเทศ และเพิ่มงบจากแหล่งอื่น รวมทั้งปรับปรุงการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้มีการจัดสรรงบประมาณของประเทศในการดำเนินงานบางส่วนอยู่แล้ว 2.หาแหล่งสนับสนุนจากภายนอก พร้อมขอความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศอื่น ภาคเอกชน และ NGOs 3.พัฒนาศักยภาพภายใน รวมถึงส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ภายในประเทศ และ 4.ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ” นพ.โอภาสกล่าว