วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมพะยูน อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง…จัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนสาร ธรรมสอน ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง ผู้บริหารกรมประมง ผู้แทนจากผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาหารือแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งทะเลของไทยให้กลับมาทวงความเป็นผู้นำในการส่งออกอีกครั้ง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ซึ่งมอบหมายให้กรมประมงเร่งส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็งด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออกที่ไทยเคยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง พร้อมผลักดันแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 (ระยะเวลา 5 ปี) ผ่าน 11 มาตรการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 5,178,055,100 บาท หวังสร้างศักยภาพทางการแข่งขันพร้อมดันผลผลิตกุ้งทะเลของไทยให้ได้ปริมาณ 450,000 ตัน
นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากการที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ได้มีข้อสั่งการให้กรมประมงส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็งด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออกที่ไทยเคยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ณ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเร่งขับเคลื่อนผลักดันแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 ผ่านการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 ซึ่งประกอบด้วย 11 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 การพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ให้เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้งทะเลเพื่อให้ได้ลูกกุ้งทะเลคุณภาพสูง มาตรการที่ 2 การจัดการฟาร์มเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน มาตรการที่ 3 การส่งเสริมการใช้อาหารที่เหมาะกับรูปแบบการเลี้ยง มาตรการที่ 4 การจัดการโรคและการป้องกันโรคในกุ้ง มาตรการที่ 5 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังติดตาม ตรวจสอบ ความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล มาตรการที่ 6 การเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์สินค้าหลังการจับ มาตรการที่ 7 การสร้างแบรนด์และเพิ่มช่องทางการตลาด มาตรการที่ 8 การบริหารจัดการข้อมูลกุ้ง มาตรการที่ 9 การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มาตรการที่ 10 การยกระดับความรู้บุคลากร ทั้งเกษตรกร และเจ้าหน้าที่ และ มาตรการที่ 11 การสร้างเครือข่าย ความเข้มแข็ง ซึ่งทุกมาตรการมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยยังคงคำนึงถึงสถานการณ์อุปสงค์อุปทานกุ้งทะเลของโลกเป็นสำคัญ
สำหรับระยะเร่งด่วนในปี 2568 จะมุ่งให้ความสำคัญกับการดำเนินการมาตรการที่ 1 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กุ้งทะเลให้เจริญเติบโตดี และทนทานต่อเชื้อก่อโรค โดยส่งเสริมการใช้สายพันธุ์กุ้งทะเลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ภายในประเทศ มาตรการที่ 2 หนุนการจัดการฟาร์มกุ้งอย่างยั่งยืน โดยเน้นการจัดตั้งศูนย์ผลิตจุลินทรีย์ มาตรการที่ 3 ส่งเสริมการใช้อาหารที่เหมาะสมกับรูปแบบการเลี้ยง โดยจะสามารถลดได้ทั้งต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการที่ 4 การแก้ไขปัญหาเรื่องโรค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร โดยการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ พร้อมนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้บริหารจัดการทั้งโรงเพาะฟักและฟาร์มเลี้ยง และมาตรการที่ 5 พัฒนาระบบเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังเชิงรุก ตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงแหล่งแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหากุ้งทะเลของประเทศไทยเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งผลักดันแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2568 – 2572 ให้พร้อมสู่การปฏิบัติได้โดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการกุ้งทะเลในทุกห่วงโซ่อุปทานให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และพร้อมที่จะกลับมาเป็นผู้นำการส่งออกในอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง