เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 กรมทรัพย์สินทางปัญญาหารือภาคเอกชน 5 ประเทศ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี รับฟังความคิดเห็น ประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้แข็งแกร่ง วางกลยุทธ์การปราบปราม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สร้างความเชื่อมั่นประเทศคู่ค้าและนักลงทุน
นางสาวนุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า “ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริม การสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการลงทุนในประเทศไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญาพร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกับผู้แทนภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการคุ้มครองและการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย รวมทั้งแจ้งความคืบหน้าผลการดำเนินงานและแผนการขับเคลื่อนภารกิจด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ”
นางสาวนุสรา กล่าวว่า “การรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการคุ้มครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาให้เกิดประโยชน์สูงสุด การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับทรัพย์สินทางปัญญาของไทย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังเป็นโอกาสที่ไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันกับภาคเอกชนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่สามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับไทยในการยืนยันความมุ่งมั่นและพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้กับนานาประเทศ และช่วยผลักดันไทยให้หลุดจาก บัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง หรือ Watch List ของสหรัฐฯ อีกทางหนึ่ง”
นางสาวนุสรา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้แทนภาคเอกชนมีการตอบรับที่ดีและแสดงความชื่นชมการจัดการประชุมรับฟังความเห็นในครั้งนี้ที่ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งช่วยให้ภาคเอกชนต่างประเทศรับทราบข้อมูลความคืบหน้าด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สิน ทางปัญญา การยกระดับการให้บริการจดทะเบียนด้วยเทคโนโลยี และการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งจะนำไปสู่ การพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาและยกระดับการอำนวยความสะดวกและการให้บริการแก่ประชาชน และผู้ประกอบการต่อไป”