ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (กรอบการเคลื่อนไหว 34.08-34.20 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมต่างๆ ในตลาดการเงินที่เบาบางลง หลังตลาดการเงินหลักได้ปิดทำการเนื่องในวันหยุดเทศกาล Christmas นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ ซึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก อย่าง ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม หลังผ่านช่วงวันหยุดยาว New Year 2025 ไปแล้ว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุดเทศกาล Christmas ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันนี้ สัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อย ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มการขายทำกำไรหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีได้บ้าง หลังตลอดทั้งปีนี้ หุ้นสหรัฐฯ ทำผลงานได้โดดเด่น (ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นกว่า +28%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน บรรดาสกุลเงินหลักยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบางลงในช่วงวันหยุดเทศกาล Christmas อนึ่ง ในช่วงเช้าวันนี้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งหากเงินเยนญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยแกว่งตัวในกรอบ Sideways ก็อาจช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ได้ โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ก็อาจยังคงแกว่งตัวแถวโซน 108 จุด ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าปริมาณการทำธุรกรรมจะเบาบางลงในช่วงคืนที่ผ่านมา ทว่าในช่วงเช้าวันนี้นั้น ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้างสู่โซน 2,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) ยังไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก และราคาโดยรวมยังคงอยู่ในกรอบโซน 2,630-2ม640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อเนื่องชัดเจนได้ยาก ท่ามกลางแรงขายทำกำไรสถานะ Long ทองคำ ของผู้เล่นในตลาด หลังทองคำก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในปีนี้ถึง +27%

สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่ฝั่งสหรัฐฯ โดยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประกอบการประเมินภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าวในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว รายงานข้อมูลตลาดแรงงาน ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 6.30-6.50 น. ตามเวลาประเทศไทยในช่วงเช้าของวันศุกร์นี้ ซึ่งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า BOJ มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยราว +41bps ในปี 2025 หรือกล่าวได้ว่า ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ +25bps ได้แน่นอนในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ทว่ายังไม่มั่นใจนักว่า BOJ จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก +25bps ได้หรือไม่

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมองว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัว Sideways เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่าโซนแนวรับเงินบาทอาจขยับมาแถว 34.10 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านอาจยังคงอยู่แถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์

ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า หากราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways และไม่ได้ปรับตัวลดลงชัดเจน ก็จะพอช่วยหนุนเงินบาทได้บ้าง เช่นเดียวกันกับในฝั่งบรรดาสกุลเงินเอเชีย อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่หากยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หรือแกว่งตัว Sideways ก็อาจช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ และช่วยหนุนเงินบาทได้เช่นกัน นอกจากนี้ ควรรอจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้นได้ หลังผ่านช่วงวันหยุดเทศกาล Christmas (ทั้งนี้ วันนี้ยังคงเป็นวันหยุดทางฝั่งยุโรป รวมถึงออสเตรเลีย เนื่องในวัน Boxing Day ทำให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินก็อาจเบาบางกว่าช่วงปกติได้เช่นกัน) โดยเรามองว่า ยังมีโอกาสเห็นบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) หากมีการรายงานข้อมูลที่แย่กว่าคาด หรือดีกว่าคาดชัดเจน (เรามองว่าโอกาสเกิดกรณีดังกล่าวนั้น “ต่ำ”) รวมถึงควรรอจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่นในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ เพราะหากบรรดาข้อมูลเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่นมีโอกาสแข็งค่าขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อยก็ทรงตัว Sideways แต่หากออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ กดดันให้เงินเยนญี่ปุ่นเสี่ยงอ่อนค่าลงต่อได้ไม่ยาก

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาท/ดอลลาร์