นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรมุ่งส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกิดการพัฒนาและยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ และสามารถขับเคลื่อนกิจการได้ในสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้นและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบการทำงานส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และความต้องการของลูกค้า การส่งเสริมเกษตรกร การขับเคลื่อนงานสถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูป และการตลาด ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงการทำตลาดในรูปแบบใหม่ที่มีความท้าทายมากขึ้น
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับเขต และส่วนกลาง ผู้มีบทบาทในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จำนวน 73,695 แห่ง และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน จำนวน 574 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2567) จึงเร่งติดอาวุธทางความรู้ด้านการวิเคราะห์ Financial Feasibility การทำตลาดและเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า โดยมีเจ้าหน้าที่ จำนวน 1,000 คน เข้าร่วมการอบรมพัฒนาองค์ความรู้เจ้าหน้าที่ผู้มีบทบาทในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ณ ห้องประชุม 4/1 อาคาร 1 กรมส่งเสริมการเกษตร และผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) เพื่อเพิ่มพูนทักษะองค์ความรู้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนงานระดับพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2568 ที่มุ่งเน้นให้วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน มีการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ ร้อยละ 4 ต่อปี