นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่จัดทำขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 และเป็นร่างกฎหมายสำคัญตามแผนปฏิรูปประเทศ รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยที่มีความเปราะบางและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรม เกิดความเหลื่อมล้ำเป็นสาเหตุของความขัดแย้งรุนแรงในสังคมไทย พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีเจตนารมณ์ให้เป็นกฎหมาย “คุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรม” ของชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติเน้นสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย สร้างพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มวัฒนธรรมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน วธ. จึงร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัด “กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ชาติพันธุ์ บ้านฉัน” และศึกษาดูงานในพื้นที่ต้นแบบ” ให้แก่ชุมชน/ผู้ประกอบการ จากกลุ่มชาติพันธุ์ จำนวน 20 ชุมชน จาก 17 กลุ่มชาติพันธุ์ ประกอบด้วย ไทยลื้อ ไทย-ลาว ไทพวน ลาหู่ ลัวะ(ขมุ) เมี่ยน ผู้ไท ไทญ้อ ส่วย หรือกูย เยอ มอญ ไทยทรงดำ ลาวเวียง มอญ ลาวครั่ง ไท–ยวน ลาวเวียง และกะเหรี่ยงโปว์ และนักวิชาการวัฒนธรรม จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้เรียนรู้การต่อยอดทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน รู้จักแนวทางการยกระดับสินค้า ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น สู่การพัฒนาแบรนด์ชุมชน และหาแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยมิติทางวัฒนธรรม เกิดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ต้นแบบ ที่พร้อมเป็นแบบอย่างต่อชาติพันธุ์กลุ่มต่าง ๆ ทั่วประเทศได้อีกด้วย ตลอดจนได้นำชุมชน/ผู้ประกอบการ จากกลุ่มชาติพันธุ์ ลงพื้นที่ต้นแบบ ณ ภูษาผ้าลายอย่าง ชุมชนคุณธรรมบ้านไร่มะตูม อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
“นับเป็นกิจกรรมดีๆ ในการยกระดับและเสริมศักยภาพให้กับชุมชนและผู้ประกอบการ ซึ่งหลังจากการอบรมแล้ว วธ.จะนำสินค้าที่ได้รับการต่อยอดไปทดลองจำหน่ายในการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สุงสุดแก่ผู้เข้ารับการอบรม และเพื่อจะได้นำข้อคิดเห็นของผู้บริโภคมาพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดอบรมในครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางด้านสังคมและสร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจในกลุ่มชาติพันธุ์ต่อไป” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วธ. มีนโยบายมุ่งขับเคลื่อนการยกระดับเศรษฐกิจวัฒนธรรม พัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติ อย่างยั่งยืน “ผลักดันจากรากฐาน อย่างเข้มข้น ขับเคลื่อนสู่สากล อย่างเข้มแข็ง” โดยการพัฒนาและผลักดันสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดโลก และถือให้เศรษฐกิจวัฒนธรรม คือ กุญแจสำคัญ ที่ล็อคประเทศไทย สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเมื่อเร็วๆนี้ วธ.ได้มีโอกาส หารือความร่วมมือขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailnd : CPOT) ไปทั่วประเทศ ร่วมกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมร่วมกันส่งเสริมให้ชุมชน ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ได้มีโอกาสเข้ามาจำหน่ายสินค้าดังกล่าวให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น โดยการจัดหาพื้นที่ในการตั้งร้านค้า CPOT รวมถึงการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ การสร้างความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการขับเคลื่อนงานศิลปวัฒนธรรมไทยเพื่อนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้