เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 16 (UNCCD COP 16) พร้อมด้วยนายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด นำคณะผู้แทนไทยหารือร่วมกับ Dr.Khaled Abdullah Al Abdulkader ตำแหน่ง CEO of the National Center for Vegetation Cover and Combating Desertification (NCVC) แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะ ณ ห้อง VIP Lounge, Boulevard Hall Parking กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
โดย ดร.รวีวรรณ ได้นำเสนอภารกิจสำคัญของ สคทช. ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดิน อาทิ การทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ การจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน. 1 : 4000 (One Map) การพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐ และการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) แบบแปลงรวม แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ ซึ่ง สคทช. ไม่เพียงขับเคลื่อนการจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีกับประชาชน และส่งเสริมการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกพืชเชิงผสมผสานแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และลดการเผาในพื้นที่อันเป็นสาเหตุของปัญหา PM2.5 ทั้งนี้ ได้หยิบยกตัวอย่างการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชาชนประสบความสำเร็จในการทำเกษตรผสมผสาน โดยอาศัยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน และในพื้นที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่มีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดมาเป็นกาแฟที่สามารถจำหน่ายได้ในราคาดีและสร้างรายได้แก่เกษตรกรมากขึ้น
ขณะเดียวกัน Dr.Khaled Abdullah Al Abdulkader กล่าวถึงภารกิจของ NCVC ในการปกป้องและเพิ่มพื้นที่ป่า การจัดการอุทยานแห่งชาติ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในประเทศเพื่อขับเคลื่อน Saudi Green Initiative ที่ต้องการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น ภายในปี ค.ศ. 2100 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าสามารถพัฒนาความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการวิจัยในด้านการบริหารจัดการที่ดิน การฟื้นฟูดินและทรัพยากรธรรมชาติ โดย NCVC สนใจการพัฒนาพันธุ์ไม้ที่สามารถปลูกในพื้นที่เมืองของซาอุดีอาระเบีย ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการฟื้นฟูดินและอนุรักษ์พื้นที่ป่า การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนและการจัดหาตลาดรับซื้อที่มีคุณภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเริ่มต้นพัฒนาความร่วมมือโดยการจัดทำประเด็นความร่วมมือที่ชัดเจนผ่านการหารือในระดับเจ้าหน้าที่ แล้วจึงจะได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดรายละเอียดและแนวทางความร่วมมือต่อไป