“รองนายก ประเสริฐ” เตรียมพร้อมเชิงรุกลดปัญหามลพิษทางอากาศ เร่งบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 กับรถยนต์เบนซินผลิตใหม่ พร้อมทั้ง เห็นชอบโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม high speed train และ Motorway

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยรัฐมนตรี ทส. มอบนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. เป็นรองประธานกรรมการ และนายประเสริฐ ศิรินภาพร เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยประธาน ได้ให้มอบนโยบายใน 5 ประเด็น คือ (1) ให้ความสำคัญกับภารกิจด้านสิ่งแวดล้อม ประสาน และบูรณาการในการสงวน อนุรักษ์ รักษา ฟื้นฟู ทรัพยากรของประเทศให้มีความยั่งยืนและใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (2) ขอให้ ทส. และ มท. ดำเนินการเชิงรุก สร้างความรู้ความเข้าใจกับจังหวัด
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย ขยะ และพ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่จะเกิดในอนาคตเพื่อประเทศที่ไร้มลพิษ (3) เตรียมความพร้อมสู่การบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์เบนซินและดีเซลผลิตใหม่ตามมาตรฐานยูโร 6 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน (4) การพิจารณารายงาน EIA ให้เป็นไปอย่างรอบคอบใช้ข้อมูลสำหรับโครงการนั้น ๆ ประเมินผลกระทบฯ และเน้นการรับฟังจากประชาชน และ (5) ขอให้ ทส. ให้ความสำคัญกับมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล เนื่องจากปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเลโดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกในทะเล ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปริมาณพลาสติกทางทะเลสูง

โดยที่ประชุมมีการเห็นชอบเรื่องที่สำคัญ 4 เรื่อง ดังนี้

1. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รวม 43 จังหวัด รวมทั้งโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการก่อสร้างระบบกำจัดขยะภายใต้แผนปฏิบัติการฯ จำนวน 3 โครงการ ของเทศบาลเมืองอุทัยธานี เทศบาลเมืองบึงกาฬ และองค์การบริหารส่วนตำบลแก่งหางแมว วงเงินประมาณ 285 ล้านบาท

2. การเร่งรัดการบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์เบนซินผลิตใหม่ตามมาตรฐานยูโร 6 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ รวมทั้งบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน

3. โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ที่มีการจัดทำรายงานมาตรการและแผนลดก๊าซเรือนกระจก ระดับจังหวัด 76 จังหวัด ซึ่งต่อยอดสู่การจัดทำคู่มือการตรวจวัด การตั้งเป้าหมาย และการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ระดับเมือง/จังหวัด 76 จังหวัด และแผนลดก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในพื้นที่ต้นแบบ 15 จังหวัด

นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ และสถานีไฟฟ้าแรงสูง สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ ชุดที่ 1 ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนภูมิพล เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ โดยการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ 2) โครงการระบบประปารองรับพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนและภาคการท่องเที่ยว 3) โครงการระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย) 4) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครราชสีมา – ขอนแก่น และ 5) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม – ชะอำ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านโครงข่ายคมนาคมของประเทศ อำนายความสะดวก ลดระยะเวลาการเดินทางให้กับประชาชน