“สมศักดิ์” หนุน เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักฯ เบิกจ่าย สปสช. แบบ Fee Schedule และปรับระบบบริการ OPD เอื้อสั่งจ่ายยาสมุนไพร 10 กลุ่มอาการโรคพบบ่อย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบเพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติรวม 106 รายการ เบิกจ่ายจาก สปสช. แบบ Fee Schedule และปรับระบบบริการผู้ป่วยนอก (OPD) ให้เอื้อต่อการสั่งจ่ายของแพทย์ เพื่อส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร 32 รายการ ใน 10 กลุ่มอาการของโรคที่พบบ่อย ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 10/2567 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงเข้าร่วม โดยก่อนการประชุมได้มีพิธีมอบโล่รางวัลแบบอย่างการดำเนินงานที่ดีด้านโรคไม่ติดต่อปี 2567 จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัล NCD Clinic Plus Awards ผลงานดีเด่นระดับประเทศ ปี 2567 ประเภทโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลขนาดกลาง และโรงพยาบาลขนาดเล็ก รวม 9 รางวัล 2.รางวัลรูปแบบบริการ (Service Model) เชิงนวัตกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 3 รางวัล และ 3.รางวัลผลงานคณะกรรมการคุณภาพชีวิตระดับอำเภอที่เป็นผลงานดีเด่นระดับประเทศ ด้านการป้องกันควบคุมโรคไตในชุมชน ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) จำนวน 4 รางวัล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน ในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการ

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนการเบิกจ่ายยาสมุนไพรในระบบ มีเพียงร้อยละ 2.21 และพบปัญหาการเบิกจ่ายยาสมุนไพรใน สปสช. ขาดทุน ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบสนับสนุนแนวทางการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพและทิศทางการขับเคลื่อนสมุนไพรในระดับประเทศ “เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทย ก่อนไป หาหมอ” ได้แก่ 1.เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติทุกรายการ รวม 106 รายการ เบิกจ่ายจาก สปสช. แบบ Fee Schedule และ 2.ปรับระบบบริการผู้ป่วยนอกที่เอื้อต่อการสั่งจ่ายยาของแพทย์ เพื่อส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร 32 รายการในผู้ป่วย 10 กลุ่มอาการของโรคที่พบบ่อย ให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 10 ช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าปี 2568 เพิ่มมูลค่าการใช้ยาจากสมุนไพร เป็น 1,500 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ในปี 2569

สำหรับ 10 กลุ่มอาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ, ไข้หวัด/โควิด 19, ท้องอืด ท้องเฟ้อ, ท้องผูก/ริดสีดวงทวารหนัก, วิงเวียน/คลื่นไส้ อาเจียน, ชาจากอัมพฤกษ์-อัมพาต, ผิวหนัง/แผล, นอนไม่หลับ, ท้องเสีย (ไม่ติดเชื้อ) และเบื่ออาหาร ส่วนยาสมุนไพร 32 รายการ ได้แก่ ยาไพล (ครีม), เถาวัลย์เปรียง/สารสกัด/ยาสารสกัด เถาวัลย์เปรียงสูตรตำรับที่ 1 และ 2, ยาประคบ, ยาสหัศธารา, ยาปราบชมพูทวีป, ยาฟ้าทะลายโจร/สารสกัด, ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม สูตรตำรับที่ 1 และสูตรตำรับ 2, ประสะมะแว้ง, ยาธาตุอบเชย, ยาขมิ้นชัน, ยามะขามแขก,ยาผสมเพชรสังฆาต สูตรที่ 1 และ สูตรที่ 2, ยาขิง, ยาหอมนวโกศ, ยาว่านหางจระเข้, ยาเปลือกมังคุด, ยาพญายอ, ยาทิงเจอร์ทองพันชั่ง, ยาแก้ลมแก้เส้น, ยาทำลายพระสุเมรุ, ยาศุขไสยาศน์, ยาน้ำมันกัญชา (THC) 2.0 mg/ml, ยาน้ำมันกัญชาทั้งห้า, ยาน้ำมันสารสกัดกัญชา CBD:THC มากกว่าหรือเท่ากับ 20:1, ยาน้ำมันสารสกัดกัญชา CBD:THC ในอัตราส่วน 1:1, ยาน้ำมันสารสกัดกัญชา (THC) ไม่เกิน 0.5 mg/drop /ไม่เกิน 3 mg/drop , ยาหอมเทพจิตร, ยากล้วย, ยาเหลืองปิดสมุทร, มะระขี้นก, ยาพริก และ ยาเขียวหอม

“ส่วนความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้จัดส่งข้อมูลการขอจัดตั้งกองทุนฯที่ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมให้กรมบัญชีกลางแล้ว และจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ พร้อมจัดทำกฎหมายลำดับรอง 27 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.สุขภาพจิตฯ ขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา” นายสมศักดิ์กล่าว