สธ. เผย 13 จังหวัดใต้ยังเฝ้าระวังฝนตกหนัก ส่วน รพ.ชุมพรฯ เหลือน้ำรอระบายหน้าตึก เปิดบริการได้ปกติ

กระทรวงสาธารณสุข เผย 13 จังหวัดใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนหนัก ส่วน รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หลังฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมรอระบายหน้าตึกผู้ป่วยนอกหลังเก่า กำลังเร่งสูบน้ำ แต่ยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ภาพรวมเหลือสถานการณ์ใน 7 จังหวัดภาคกลาง กำชับภาคเหนือ-อีสาน สื่อสารประชาชนเฝ้าระวังดูแลสุขภาพจากอากาศหนาวเย็น

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.สฤษดิ์เดช เจริญไชย ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ครั้งที่ 32/2567 พร้อมกล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ พบว่าช่วงวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2567 พื้นที่ภาคใต้มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก 13 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยเช้าวันนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร ว่ามีฝนตกหนักตั้งแต่เวลา 06.00 น. เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายบริเวณหน้าตึกผู้ป่วยนอกหลังเก่า โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำกว่าถนน ได้ใช้ระบบดูดน้ำอัตโนมัติของเทศบาลในการช่วยระบายน้ำ และหากมีน้ำรอการระบายในระดับสูงจะประสานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ

นพ.สฤษดิ์เดช กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมปัจจุบันยังมีสถานการณ์ใน 7 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี และนครปฐม ผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 77 ราย บาดเจ็บสะสม 2,429 ราย ไม่มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบเพิ่มและทุกแห่งสามารถเปิดบริการได้ตามปกติ โดยมีการจัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขสะสม 4,363 ทีม ให้บริการดูแลประชาชนสะสม 245,533 ราย ดูแลกลุ่มเปราะบางสะสม 38,081 ราย สำหรับพื้นที่ประเทศไทยตอนบน แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายแล้ว แต่ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังอากาศแปรปรวน เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุม และมีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคอีสาน อุณหภูมิอาจลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวได้ จึงขอให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่สื่อสารถึงประชาชนในการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงด้วย