อย. ยกระดับมาตรฐานเฝ้าระวังความปลอดภัยของผักและผลไม้อย่างเข้มงวด เพิ่มการตรวจสอบทั้งชนิดสารกำจัดศัตรูพืชและจำนวนตัวอย่างกว่า 10 เท่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงต่อสื่อมวลชนว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยของผักและผลไม้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จะถูกกักไม่ให้มีการนำเข้าจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เมื่อผักและผลไม้ได้รับการอนุญาตนำเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศแล้ว อย. มีมาตรการในการกำกับดูแลต่อเนื่อง โดยเก็บตัวอย่าง ณ สถานที่จำหน่าย โรงคัดและบรรจุผักผลไม้ เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี รวมทั้งร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในการกำกับดูแลเฝ้าระวังผักและผลไม้ที่อาจมีสารกำจัดศัตรูพืชการเกษตรตกค้างที่สถานที่จำหน่ายและสถานที่ผลิตโรงคัดและบรรจุผักผลไม้ทั่วประเทศ จากผลการตรวจวิเคราะห์ผักและผลไม้ในปี 2567 มีการเก็บตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการที่ด่านอาหารและยา จำนวน 506 ตัวอย่าง ผ่านมาตรฐาน 329 ตัวอย่าง ตกมาตรฐาน 177 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 35 เมื่อพบว่าผักและผลไม้มีสารพิษตกค้างไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด จะดำเนินคดีผู้กระทำผิดทุกราย ฐานนำเข้าเพื่อจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน มาตรา 25 (3) ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และจัดการกับสินค้าด้วยการทำลายหรือส่งคืนประเทศต้นทาง นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบโดยใช้ชุดทดสอบเบื้องต้นอีกกว่า 10,000 ตัวอย่าง
เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ อย. จะยกระดับมาตรการตรวจสอบเฝ้าระวังการนำเข้าผักและผลไม้ในปี 2568 โดยการเพิ่มชนิดของสารกำจัดศัตรูพืชที่ตรวจวิเคราะห์ อย่างกรณีที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการเก็บข้อมูลการตรวจสารกำจัดศัตรูพืชเพิ่มขึ้น จึงเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับปรุงรายการสารกำจัดศัตรูที่จะตรวจวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังความปลอดภัยผักและผลไม้ และเพิ่มจำนวนตัวอย่างที่ส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ จากปีงบประมาณ 2567 มีการเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ส่งตรวจวิเคราะห์โดยประมาณ 500 ตัวอย่าง จะเพิ่มเป็น 5,000 ตัวอย่าง หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่า อย่างไรก็ตามควรล้างผักและผลไม้ก่อนการบริโภคทุกครั้ง