“รองนายก ประเสริฐ” ถกคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เคาะกฎหมายป่าชุมชน 2 ฉบับ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุภัยพิบัติสาธารณะ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) ครั้งที่ 1/2 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุม 301 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรชัย อจลบุล อธิบดีกรมป่าไม้ ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ กรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรภาคประชาสังคมเข้าร่วมประชุม

นายประเสริฐฯ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) ในวันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า ในการออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วจำนวน 23 ฉบับ จากทั้งหมด 29 ฉบับ และได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด จำนวน 27 จังหวัด รวม 299 คน พิจารณาออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ และการใช้ประโยชน์จากไม้ในป่าชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ

นายประเสริฐฯ กล่าวต่อว่า หลังจากที่อนุบัญญัติเหล่านี้ได้ประกาศใช้แล้ว จะทำให้ชุมชนสามารถนำพื้นที่ป่า นอกเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในพื้นที่อื่นของรัฐมาจัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้ และสามารถร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนได้ตามที่กฎหมายป่าชุมชนกำหนด อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ครัวเรือน ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น และจะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และสมาชิกป่าชุมชน จะสามารถขอใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชนภายใต้หลักเกณฑ์ข้อตกลงซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นได้ พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและพี่น้องประชาชนทราบ ต่อไป