พม. ร่วมกับ มูลนิธิทันตนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง

วันนี้ 17 กันยายน 2567 เวลา 13.45 น. กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงนามความร่วมมือในการบริการสาธารณกุศล เพื่อนำนวัตกรรมทางทันตกรรมที่มีไปให้บริการผู้สูงอายุ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก และดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการบดเคี้ยวอาหารให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ประธานกรรมการมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ นายวรวุฒิ กุลแก้ว กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ นางสาวกมลชนก สกุลประเสริฐ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาดีไอเอฟเพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุมสุธาสิโนบล ชั้น 5 มูลนิธิทันตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น มาพร้อมกับการดูแลเอาใจใส่ที่มากขึ้นเช่นกัน มูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาทางสังคม ทางมูลนิธิฯ ได้ทำการวิจัยออกแบบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมทางทันตกรรมใหม่ ๆ ที่มีมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น เจลลี่โภชนา น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดหญ้าแฝก เป็นต้น ซึ่งบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวง พม. โดย ผส.จะบูรณาการความร่วมมือกับมูลนิธิ ทันตนวัตกรรม ในการให้บริการผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านสุขภาพองค์รวม ซึ่งเป็นการความสมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม เพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางทันตกรรมที่มีคุณภาพ โดยทางกรมกิจการผู้สูงอายุ จะได้นำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางทันตกรรมดังกล่าว ไปให้บริการแก่ผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุในชุมชน นำสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแบบองค์รวม ต่อไป”

นายวรวุฒิ กุลแก้ว กล่าวว่า “มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ มีความต้องการที่จะผลิตและส่งต่อผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากให้กับคนที่ใช้งานจริง ซึ่งกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในสังคมไทย ดังนั้นมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ จึงได้เชิญกรมกิจการผู้สูงอายุมาทำความร่วมมือกัน เพื่อที่เมื่อทางมูลนิธิได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และผ่านการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว จะสามารถส่งมอบให้กับกรมกิจการผู้สูงอายุได้ทันที่โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานกลาง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน

“โดยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าถึงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมทางช่องปากที่มีคุณภาพ และส่งต่อไปคนทุกช่วงวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ให้มีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายวรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย