ธรรมศาสตร์ รังสิต / 10 องค์กรภาคีร่วมจัดประกวดรางวัลองค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นระดับชาติ “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ ตามแนวคิดของ ศ.ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ‘คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ปี 2567” โดยเปิดรับสมัครเพื่อเฟ้นหาสุดยอดกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีผลงานการดูแลคุณภาพชีวิตคนในชุมชนดีเด่น 10 ประเภท ตั้งแต่ 16 กันยายน – 31 ตุลาคม 67 นี้ มอบรางวัลวันที่ 9 เดือนมีนาคม 2568
วันที่ 13 กันยายน 2567 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ร่วมกับ วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดแถลงข่าว “การมอบรางวัลองค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชน : ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ ตามแนวคิดของศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ‘คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ปี 2567” โดยมี 10 องค์กรภาคีที่ร่วมจัดโครงการมอบรางวัลและร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย 1.เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนระดับประเทศ 2.วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ 3.วิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4.สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ismed) 5.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) 6.กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 7.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 8.มูลนิธิเพื่อคนไทย 9.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ 10.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ณ ห้องประชุมชั้น2 วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี
แนวคิด “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน”
แนวคิด “คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นบทความภาษาอังกฤษขนาด 2 หน้าที่ ศ.ดร.ป๋วย อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเสนอบทความชิ้นนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนตุลาคม 2516 หลังจากนั้นจึงได้มีการแปลและเผยแพร่บทความนี้ออกไปอย่างกว้างขวาง เนื้อหากล่าวถึงความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่ควรจะได้รับบริการสวัสดิการจากรัฐ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาจนกระทั่งเสียชีวิต
ดังข้อความตอนหนึ่งว่า…“ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันรักษาโรคแก่ผมฟรี กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูก อย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอ หาพยาบาลได้สะดวก ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่างสำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว มีสวนสาธารณะที่เขียวชอุ่ม สามารถมีบทบาทและชมศิลปะ วรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี ฯลฯ
ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำบริสุทธิ์สำหรับดื่ม….เรื่องที่ผมเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า ผมยินดีเสียภาษีอากรให้ส่วนรวมตามอัตภาพ ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในสังคมรอบตัว ผมต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชะตาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ….”
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2459 (เสียชีวิต 2542) เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้บุกเบิกงานพัฒนาชนบท ฯลฯ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์ สมถะ ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะในปี 2508 และองค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในปี 2558
บทความ “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อมาได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อสร้างสรรค์สังคม และเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของดร.ป๋วย (9 มีนาคม 2459) หน่วยงานต่างๆ จึงถือเอาวันนี้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมา เพื่อสืบสานปณิธานของ ดร.ป๋วย
แม้ว่า ศ.ดร.ป๋วยจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่แนวคิดเรื่องสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะประชาชนคนยากจนที่ไม่มีระบบสวัสดิการของรัฐมารองรับ ได้ถูกนำมาเป็นแนวทางในการทำงานเพื่อจัดสวัสดิการให้แก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศตั้งแต่เกิดจนถึงตาย โดยมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนอย่างเป็นระบบในปี 2548 ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ให้การสนับสนุน
มีหลักการให้สมาชิกสมทบอย่างน้อยวันละ 1 บาท โดยรัฐจะสมทบ 1 บาท และองค์กรปกครองท้องถิ่นสมทบ 1 บาท แล้วนำเงินกองทุนมาช่วยเหลือสมาชิก เช่น คลอดบุตร 500 บาท, เจ็บป่วยช่วยค่ารถหรือรักษาพยาบาลครั้งละ 100 บาท ปีหนึ่งไม่เกิน 10 วัน, เสียชีวิต ช่วยเหลือตั้งแต่ 3,000 -20,000 บาท (ตามสถานะของกองทุนและอายุการเป็นสมาชิก) นอกจากนี้ยังมีทุนการศึกษาเด็ก ช่วยคนพิการ ยากไร้ ยามเกิดภัยพิบัติ ฯลฯ
ปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนในระดับตำบล/เทศบาลทั่วประเทศ จำนวนกว่า 6 พันกองทุน สมาชิกกองทุนรวมกว่า 7 ล้านคน เงินกองทุนรวมกันจำนวนกว่า 22,250 ล้านบาท โดยมีผู้รับสวัสดิการไปแล้วกว่า 8.6 ล้านราย เงินจ่ายสวัสดิการกกว่า 8,239ล้านบาท
‘พอช.’ จับมือภาคีเครือข่ายประกวดรางวัล“ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์”
ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนในระดับตำบล เทศบาล และเขต (ในกรุงเทพฯ) ร่วมกับภาคีต่างๆ จัดประกวดรางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม ‘จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2566 เพื่อยกย่อง เชิดชู องค์กรหรือกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ดำเนินการช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ มีกองทุนสวัสดิการชุมชนที่สมัครขอรับรางวัลฯ ครอบคลุม 5 ภาค มากกว่า 400 กองทุน และมีกองทุนที่ชนะการประกวดระดับชาติ จำนวน 58 กองทุน โดยมีการจัดงานเพื่อมอบรางวัลให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นทุกวันที่ 9 มีนาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.ป๋วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดร.มณเฑียร สอดเนื่อง คณะอนุกรรมการส่งเสริมกองทุนสวัสดิการชุมชนระดับประเทศ กล่าวว่า เครือข่ายสวัสดิการชุมชนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปี 2567 จึงได้ขับเคลื่อนงานเพื่อดูแลประชาชนไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และร่วมกับ พอช. ดำเนินการร่วมกันเพื่อทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ต่อมาจึงได้พูดคุยกับวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อยกระดับกองทุนสวัสดิการชุมชนให้เป็นเรื่องสำคัญจากฐานรากสู่นโยบาย จึงมีการประสานการทำงานร่วมกัน นำไปสู่การมอบรางวัลอาจารย์ป๋วย
ดร.มณเฑียร กล่าวต่อ รางวัลไม่ใช่เป้าหมาย รางวัลเป็นเพียงเครื่องมือที่จะทำให้เกิดคุณค่าทางสังคม ทำให้กองทุนสวัสดิการชุมชนมีการยกระดับ ทำให้สาธารณชนได้รับรู้ว่ากองทุนนี้เกิดจากชาวบ้าน โดยรัฐบาลและท้องถิ่นร่วมสนับสนุน นอกจากนี้ยังทำให้ชาวบ้านและชุมชนได้รู้จักแนวคิดของอาจารย์ป๋วย และนำไปสู่ความร่วมมือของหลายฝ่า หลักคิดของอาจารย์ป๋วย เป็นหลักคิดที่ถูกต้องกับสังคมไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วีรบูรณ์ วิสารทสกุล คณบดีวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ กล่าวว่า วันที่ 9 มีนาคมทุกปี (วันคล้ายวันเกิด อ.ป๋วย) เป็นวันที่ระลึกถึง อ.ป๋วยที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยและสังคมโลก และมีการมอบรางวัลให้แก่บริษัทวิสาหกิจขนาดย่อมที่มีธรรมาภิบาล หลังจากนั้นจึงนำแนวคิด “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ อ.ป๋วย มาเป็นหลักการพิจารณามอบเป็นรางวัลให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชน คือ “รางวัลผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์”
ซึ่งถือว่ารางวัลดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือที่จะนำมาบอกเล่าและเป็นกรณีศึกษาให้อาจารย์ นักศึกษา และผู้ที่สนใจที่จะร่วมกันพัฒนาสังคม และนำมาส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจการเปลี่ยนของสังคม โดยเฉพาะนักศึกษาที่จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เป็นการหล่อหลอมปลูกฝังตั้งแต่เยาวชน ให้เรียนรู้การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งวิทยาลัยฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการคัดเลือกองค์กรที่เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลต่อไป
นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. มีภารกิจสําคัญคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรชุมชนและชุมชน ในการที่จะพัฒนาบนฐานของการพึ่งตนเอง สวัสดิการชุมชน เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่เกิดจากการรวมตัวกันของพี่น้องประชาชน ในการที่อยากจะมีระบบสวัสดิการของตัวเองที่จะดูแลตัวเอง เติมเต็มกับสวัสดิการที่รัฐจัดให้ เพราะฉะนั้นชุมชนก็ลุกขึ้นมาเอาเงินมาสมทบร่วมกันจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน ใช้เงินเป็นเครื่องมือ ในการรวมคนเข้าหากัน รวมถึงการคิดออกแบบการอยู่ร่วมกันของคนในชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางในการดําเนินงานตามบทบาทภารกิจของ พอช. ที่จะต้องไปสร้างให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชน โดยภายในปี 2579 พอช.ตั้งเป้าหมาย “ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งเต็มพื้นที่ประเทศไทย” ทั้งนี้ พอช.ได้ยึดหลักการ ‘จตุพลัง’ ตามแนวทางของอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ผู้ก่อตั้ง พอช. ที่ให้ความสำคัญกับ 4 พลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น พลังจากองค์กรชุมชน ผู้นำ ภาควิชาการ และภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งล้วนเป็นพลังสำคัญที่จะร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน
“พอช. พร้อมที่จะหนุนเสริมกระบวนการการขับเคลื่อนงานครั้งนี้ให้ไปสู่เป้าหมาย โดยเติมเต็มพลังจากทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกับพี่น้องขบวนองค์กรชุมชน มาเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนมาร่วมมือกัน โดย พอช.มีบุคลากร รวมทั้งงบประมาณที่จะหนุนเสริมการทำงาน เพื่อเดินไปข้างหน้า ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต” ผอ.พอช. กล่าว
- รางวัลองค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่น
นายปาลิน ธำรงรัตนศิลป์ ผู้แทนเครือข่ายสวัสดิการชุมชน กล่าวว่า การจัดประกวดรางวัลผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ฯ ปี 2567 มีวัตถุประสงค์ เพื่อยกย่อง เชิดชู องค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชนที่ดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ เสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายและกองทุนสวัสดิการในพื้นที่ โดยเสริมกระบวนเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพของบริการ และขยายผลกองทุนให้เกิดขึ้นครอบคลุมทั่วประเทศ กระตุ้นให้รัฐบาล ภาคเอกชน และสังคมตระหนักถึงคุณค่าของแนวคิดเรื่อง “คุณภาพชีวิตปฏิทินแห่งความหวัง : จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” และร่วมนำไปสู่การพัฒนานโยบาย ระบบปฏิบัติการด้านสวัสดิการให้ประชาชน และชุมชนเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงเหมาะสม แบ่งออกเป็น 10 ประเภทๆ ละ 1 รางวัล ประกอบด้วย ประเภทที่ 1. ด้านการพัฒนาครอบครัว แม่และเด็ก 2. ด้านการพัฒนาสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหาร 3. ด้านการพัฒนาสังคมสูงวัย 4. ด้านการพัฒนาการศึกษา การเรียนรู้ ทักษะการดำรงชีวิต 5. ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 6. ด้านการพัฒนาสัมมาชีพในชุมชน 7. ด้านการสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย 8. ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน 9. ด้านการสร้างสังคมที่เป็นธรรม และ 10. ด้านการฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรมและสุนทรียะ
สำหรับองค์กร/กองทุนที่จะสมัครเข้าประกวด จะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น เป็นองค์กรสวัสดิการชุมชนระดับชุมชน หรือระดับที่ใหญ่กว่า ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม หรือกลุ่มชุมชนใดๆ ที่มีการสะสมทุนหรือพัฒนาทุนทั้งที่เป็นเงินและ/หรือทุนทางสังคมอื่นๆ เพื่อใช้จัดสวัสดิการให้สมาชิกของตน มีโครงสร้างการบริหารงาน ระบบบัญชี กฎระเบียบการดำเนินงานขององค์กร และดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ฯลฯ
ทั้งนี้องค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชนที่สนใจจะสมัคร สามารถขอรับเอกสารและสมัคร ตั้งแต่ 16 กันยายน – 31 ตุลาคม 67 นี้ ที่กองเลขาคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานสวัสดิการชุมชนจังหวัด / ที่ทำการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.codi.or.th
นำส่งด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์มาที่ คณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานสวัสดิการชุมชนจังหวัด หรือเลขานุการคณะอนุกรรมการส่งเสริมองค์กรสวัสดิการชุมชน (พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด พมจ.) ในจังหวัดที่องค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชน ตั้งอยู่
ส่วนการพิจารณาผลงาน จะมีการประเมินผลงานตั้งแต่ ระดับพื้นที่ โดยคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานสวัสดิการชุมชนจังหวัด ร่วมกับ พมจ.จังหวัด เป็นผู้กระตุ้น/ส่งเสริม รวบรวมข้อมูลกองทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามเกณฑ์ รวมถึงกลั่นกรอง/ตรวจสอบข้อมูลกองทุนที่เสนอขอรับรางวัลในเบื้องต้น ก่อนรวบรวมใบสมัครและนำส่งมายังการคัดเลือกในระดับภาค
ระดับภาค โดยคณะกรรมการระดับภาคที่มีองค์ประกอบมาจากหลายภาคส่วน เช่น คณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนระดับภาค ผู้แทน พมจ. ผู้แทนคณะอนุกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมระดับชาติ ผู้แทนภาคีวิชาการ ผู้แทนจากองค์กรองค์กรร่วมจัด ฯลฯ โดยคณะกรรมการจะคัดเลือกให้เหลือภาคละ 10 ประเภท ๆ ละ 1 องค์กร/กองทุน
ระดับประเทศ โดยคณะกรรมการระดับชาติและผู้แทนจากองค์กรร่วมจัด 10 องค์กร จะคัดเลือกให้เหลือองค์กร/กองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีผลงานดีเด่นประเภทละ 1 องค์กร/กองทุน รวม 10 องค์กร/กองทุน โดยจะประกาศผลรางวัลระดับประเทศในวันที่ 9 มกราคม 2567 ส่วนพิธีมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม กรุงเทพฯ