“พลภูมิ ผู้ช่วยรัฐมนตรี” จับมือร่วมกับ “ญี่ปุ่น” พลิกโฉม “น้ำพุร้อนไทย” สู่จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน ระหว่างกรมการท่องเที่ยวและจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และนาย SUZUKI Yasutomo (ยะสุโมะโตะ ซุซุกิ) ผู้ว่าราชการจังหวัดชิซูโอกะ เป็นผู้ลงนาม

นายพลภูมิ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายในการยกระดับการท่องเที่ยวน้ำพุร้อนของประเทศไทยสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวผ่านความร่วมมือกับจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดย MOU ฉบับนี้ มุ่งเน้นประเด็นสำคัญ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมมือกันในด้านการวิจัย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและการดำเนินงานของการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน การพัฒนาการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจผ่านการตลาดโครงการร่วมและการเผยแพร่ข้อมูลในด้านต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยวน้ำพุร้อน และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน โดยใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดบนพื้นฐานของการสื่อสารที่เปิดกว้างและราบรื่น

ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายให้ความร่วมมือครั้งนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญในการกระตุ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลกมายังแหล่งน้ำพุร้อนของไทย ด้วยการเรียนรู้และศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในเรื่องการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวตามนโยบาย Ignite Tourism Thailand ของรัฐบาลอย่างเต็มที่

นายพลภูมิ กล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และรัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้อย่างยิ่ง จึงมีนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นโอกาสทองสำหรับประเทศไทยในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนซึ่งเป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้มีความโดดเด่นและมีคุณภาพในระดับสากล เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

อย่างไรก็ตามความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศได้เรียนรู้และพัฒนามาตรฐานน้ำพุร้อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ