นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการที่นายกรัฐมนตรีมอบไว้เมื่อการประชุมครั้งก่อน ใน 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1. การป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา เช่น กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ ตรวจตราบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดอย่างเข้มข้น ทั้งภายในและรอบสถานศึกษา บูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขผลักดันนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ กำหนดแนวทางป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ในพื้นที่ผู้มีอาการจิตเวชจากยาเสพติด ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย จัดทำแผนบูรณาการ การเผชิญเหตุ หนี สู้ จัดทำหลักสูตรเพื่อนที่ปรึกษาป้องกันยาเสพติดระดับเขตพื้นที่การศึกษา รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดผ่านโครงการอาชีวะต้านยาเสพติดแบบทฤษฎีครบวงจร
2. แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือ Thailand Zero Drop Out ด้วย 4 มาตรการสำคัญ คือ 1) ค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา 2) ติดตามช่วยเหลือ ส่งต่อ โดยบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ 3) จัดการศึกษาเรียนรู้แบบยืดหยุ่น มีคุณภาพ เหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย และ 4) ส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาและเรียนรู้ในลักษณะ Learn to Earn
พร้อมทั้งกำหนด 3 แนวทางดำเนินงาน คือ 1) ค้นหา โดยบูรณาการฐานข้อมูลเด็กและเยาวชนทุกกลุ่ม เชื่อมโยง 4 องค์กร การศึกษา การปกครอง สาธารณสุข สวัสดิการและภาคสังคม ใช้กลไกจังหวัดและเชิงพื้นที่ เช่น อสม. ผู้ใหญ่บ้าน อพม. เพื่อติดตามช่วยเหลือเด็กอย่างเป็นระบบ 2) พัฒนาการรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย จัดการเรียนการสอนให้เด็กนอกระบบการศึกษาและเด็กตกหล่นตรงตามความต้องการ จัดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และ 3) ส่งต่อ โดยใช้ภาคีเครือข่ายในจังหวัด ค้นหา พัฒนา ส่งต่อเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาและเด็กตกหล่นให้กลับเข้ารับการศึกษาทุกคน
3. ความมั่นคงเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในสถานศึกษา การเสริมสร้างหลักคิดที่ถูกต้องต่อชาติบ้านเมือง และสถาบันหลักของชาติ โดยเน้นให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ 10 คือ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ-มีอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี รวมทั้งจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ 4 กระทรวง เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สร้างจิตสำนึกความเป็นไทยให้ประชาชนทุกช่วงวัยเข้าใจ และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย รวมทั้งกำหนดคุณลักษณะของผู้สมัครเข้ารับราชการ และข้าราชการบุคลากรทุกระดับ ทุกประเภท ต้องมีจิตสำนึกรักและภูมิใจในความเป็นไทย เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดีของแผ่นดิน ประพฤติตนเป็นข้าราชการที่ดีตามรอยพระยุคลบาท นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติงาน ตลอดจนจัดทำแนวทางการจัดกิจกรรมในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักคิดที่ถูกต้องต่อชาติบ้านเมืองและสถาบันหลักของชาติ
ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ศธ. พร้อมที่จะจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกัน “ปฏิวัติการศึกษา แก้ไขปัญหาประเทศ” เพราะเรื่องการศึกษาช้าไม่ได้ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ให้ผู้เรียนมีการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ ตอบโจทย์การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต พร้อมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูงที่ได้สนับสนุน เสริมสร้างสวัสดิการให้กับครู และผู้เรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกเวรครู อาหารกลางวันโรงเรียนขยายโอกาส รวมถึงสนับสนุนการจ้างนักการภารโรงเพื่อให้ครูได้ทำหน้าที่สอนอย่างเต็มที่
ในด้านวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ของกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ขับเคลื่อนเรื่องของการผลิตและพัฒนากำลังคน มีแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นคือการ Up-Skill Re-Skill นำคนที่ทำงานอยู่แล้วมาเติมทักษะเข้าไป ซึ่งตอนนี้ก็ขับเคลื่อนกันอยู่อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนระยะยาวคือปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับ กลุ่ม 8 อาชีพ ของ Ignite Thailand
ด้านนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. นำเสนอประเด็นเรื่องเจ้าหน้าที่แผนที่ โดยสำนักงาน ก.พ. ได้อนุมัติคำขอของกรมที่ดิน ให้สามารถดำเนินการสอบคัดเลือกช่างรังวัดที่ดิน ช่างแผนที่ เข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตระหนักว่าเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินยังขาดแคลนอยู่มาก วิธีนี้จะทำให้ได้คนเร็วขึ้น และมีการคิดต่อยอดว่าขั้นตอนแบบนี้ก็อาจนำมาใช้ได้ในสาขาที่ขาดแคลนในอนาคต ซึ่งหากเราประชาสัมพันธ์ให้ผู้เรียนทราบตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย จากนั้นปีสุดท้ายให้เข้ามาทำงานจริง ไม่ใช่การฝึกงาน เมื่อจบปี 4 แล้วก็สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกเพิ่มอีก เชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาของสายวิชาชีพเฉพาะให้ได้ด้วย
ปลัด ศธ. กล่าวว่า สำหรับการจัดการศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคน ศธ. จัดการศึกษาทวิภาคี โดยทำงานร่วมกับภาคเอกชนเป็นหลัก คือ เด็กเรียนครึ่งหลักสูตรที่สถานศึกษา แล้วไปทำงานในสถานประกอบการอีกครึ่งหลักสูตร ซึ่งก็จะทำให้เด็กสามารถทำงานได้เลย กรณีที่ถ้าเป็นช่างสำรวจ ช่างรังวัด หากหน่วยงานภาครัฐมีตำแหน่งมารองรับ ศธ.ก็จะนำเอาตรงนี้เป็นแรงจูงใจให้กับเด็กได้ว่าเมื่อเด็กเรียนแล้วจะมีงานทำได้ ตามเกณฑ์มาตรฐานของหน่วยงาน ซึ่ง ศธ. ยินดีที่จะดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 เรื่องที่อยากจะขอเน้นย้ำ คือ เรื่องของเด็กที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา Thailand Zero Drop Out อยากสนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) อย่างต่อเนื่องด้วย เรื่องที่ 2 คือ ยาเสพติดในโรงเรียน ขณะนี้อาจจะเรียกว่ายังไม่ได้มีแพร่หลายมากมายนักหากเทียบกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็อยากให้ ปลูกฝังตั้งแต่เด็กถึงโทษของยาเสพติด ให้เขารู้สึกเกลียดชังยาเสพติดไปเลย อาจจะให้มีการปฏิญาณตนในตอนเช้า และให้องค์ความรู้อย่างสม่ำเสมอ
ส่วนเรื่อง Ignite Thailand เป็นเรื่องของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ความสามารถของบุคลากรจึงเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ฝากปลัด ศธ. และปลัด อว. ว่าวิธีการสำคัญหนึ่งคือ On The Job Training โดยส่งเด็กเข้าไปทำงานกับบริษัทใหม่ ๆ ธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ทางภาคธุรกิจเองเองก็ยินดีให้การต้อนรับหน่วยงานราชการ แต่ส่วนมากหลักสูตรปัจจุบันของเราจะฝึกงานกันแค่ 3 เดือน ซึ่งถ้าจะให้ได้ประโยชน์จริง ๆ และเป็นความต้องการของบริษัทใหญ่ยักษ์ข้ามชาติด้วย ก็อยากให้ขยายระยะเวลาการฝึกงานเป็น 1 ปี อาจจะบรรจุเข้าไปในหลักสูตรก็ได้ เป็นการใช้คำว่า Fast Track เข้าไป เราก็จะสามารถทำให้เด็กเรียนรู้งานได้ เป็นผลดีกับเด็ก ให้ได้ไปฝึกงานกับบริษัทที่ดี ๆ หากมีความพอใจก็ทำงานต่อได้เลย หรือจบมาแล้วก็มีงานที่ดีทำได้ขอให้ช่วยกันคิดหาวิธีการตามแนวทางนี้ให้ได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของการพัฒนาทรัพยากรประเทศให้ทันโลกยุคใหม่