กฟผ. เดินหน้าส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า มอบโล่และลงนามความร่วมมือโครงการที่ปรึกษาพลังงานและโครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 กับหน่วยงานพันธมิตร พร้อมเปิดตัวและติดฉลากจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ดวงแรก ตั้งเป้าประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากโครงการที่ปรึกษาพลังงานปี 2562 จำนวน 6.08 ล้านหน่วย และส่งเสริมให้เกิดการติดฉลากจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ปีละ 21,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละ 183 ล้านบาท
วันที่ 28 สิงหาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือพร้อมมอบโล่โครงการที่ปรึกษาพลังงานและพิธีลงนามความร่วมมือโครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 พร้อมเปิดตัวและติดฉลากเบอร์ 5 บนจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นปฐมฤกษ์ โดยมีนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ผู้บริหาร กฟผ. และหน่วยงานพันธมิตร เข้าร่วมงานฯ ณ ห้องออดิทอเรียม อาคาร ท.103 สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้มีการพัฒนาการใช้พลังงาน หรือ Energy 4.0 โดยขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงการจัดทำแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว 5 แผน ในช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2579 ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความมั่นคงด้านพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด ตลอดจนขยายโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน สำหรับกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งถือเป็นการจัดการการใช้พลังงานให้เกิดความยั่งยืน กระทรวงพลังงานได้กำหนดมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานไฟฟ้าตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ. 2558 – 2579) ที่มีเป้าหมายให้ความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity) ลดลงร้อยละ 30 ในปี 2579 ซึ่งปัจจุบันลดลงไปแล้วร้อยละ 8
ด้าน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ได้ดำเนินโครงการที่ปรึกษาพลังงานตั้งแต่ปี 2561 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศเกิดการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่เหมาะสมและคุ้มค่า รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการลดการใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 0.1 – 0.3 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ หรือ 5,872 ล้านหน่วย ในปี 2579 ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรต่าง ๆ ในการดำเนินงานเป็นอย่างดี สำหรับในปี 2562 นี้ กฟผ. ได้ตั้งเป้าหมายการประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากการดำเนินโครงการฯ จำนวน 6.08 ล้านหน่วย
“นอกจากนี้ กฟผ. ได้ดำเนินโครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะติดฉลากเบอร์ 5 ในปีนี้ เพื่อพัฒนาและยกระดับยานยนต์ไฟฟ้าไปสู่มาตรฐานประสิทธิภาพสูง โดยได้ประกาศ
เชิญชวนผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้าจักรยานยนต์ไฟฟ้า สมัครเข้าร่วมโครงการฯ พร้อมร่วมกันกำหนดมาตรฐานการทดสอบและเกณฑ์ประสิทธิภาพเบอร์ 5 รวมถึงดำเนินการทดสอบเพื่อติดฉลากฯ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้เกิดการติดฉลากจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวนปีละ 21,000 คัน ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละ 183 ล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายฉลากเบอร์ 5 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 เป็นต้นไป” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้เพื่อแสดงความขอบคุณหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการที่ปรึกษาพลังงาน ในปี 2561 และมีผลการดำเนินงานที่สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าภายในหน่วยงานได้รวมกันกว่า 2 ล้านหน่วยต่อปี กฟผ. จึงได้จัดพิธีมอบโล่ให้กับหน่วยงานดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 8 ราย ได้แก่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, โรงพยาบาลกรุงเทพ, บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), บริษัท มะลิกรุ๊ป 1962 จำกัด, บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด, บริษัท พีพี แพคเกจจิ้ง จำกัด, โรงแรม THE RIVERRIE BY KATATHANI COLLECTION Chiang Rai และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร (ธ.ก.ส.)
สำหรับหน่วยงานที่ลงนามความร่วมมือโครงการที่ปรึกษาพลังงาน ในปี 2562 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.องค์กรที่สนับสนุนการดำเนินงาน จำนวน 4 ราย 2.บริษัทผู้ประกอบการเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ที่ดำเนินธุรกิจ Chiller จำนวน 11 ราย และ 3.หน่วยงานที่สมัครเข้าร่วมโครงการและมีเครือข่ายในการขยายจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 9 ราย
สำหรับผู้ประกอบการที่ลงนามความร่วมมือโครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวน 12 ราย ได้แก่ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล มายด์ จำกัด, บริษัท ดรีมเมอร์ส มอเตอร์ จำกัด, บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด, บริษัท ต้าถุง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยตรอน มอเตอร์ จำกัด, บริษัท รอยัล มอเตอร์ ดีไซน์ จำกัด, บริษัท ไลอ้อน ไบค์ จำกัด, บริษัท สตรอง (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท สตาร์ 8 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท อี ลอน มอเตอร์ จำกัด