วันที่ 21 มิถุนายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบโอวาทแก่แรงงานไทย 241 คน ที่เข้ารับการอบรมก่อนเดินทางไปทำงานไต้หวัน ญี่ปุ่น โดยมีนายมงคล สงคราม รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้เข้ารับการอบรม ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า คนไทยจำนวนมากนิยมเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากมีค่าตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับประเทศไทย หากอดทนตั้งใจทำงาน เมื่อครบสัญญาจ้าง จะมีรายได้ เงินเก็บและประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศกลับมายกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ จะต้องมีการอบรมคนหางาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยมีความรู้เข้าใจ ทราบเงื่อนไขตามสัญญาจ้างงาน สภาพการจ้าง และขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี รวมทั้งรู้ช่องทางขอความช่วยเหลือ ทราบสิทธิประโยชน์ และการคุ้มครองคนหางานตามกฎหมาย ซึ่งในวันนี้มีแรงงานไทยเข้ารับการอบรม จำนวน 241 คน เพื่อเตรียมเดินทางไปทำงานไต้หวัน จำนวน 237 คน ในตำแหน่งพนักงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ และช่างกึ่งฝีมือ ญี่ปุ่น จำนวน 4 คน ในตำแหน่งพนักงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ซึ่งทั้งหมดเดินทางโดยบริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผมให้ความสำคัญกับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างมาก เพราะถือเป็นผู้นำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ทุกครั้งที่กรมการจัดหางานอบรมคนหางานก่อนเดินทางไปต่างประเทศ หากพอมีเวลาจะต้องมาเยี่ยมให้กำลังใจและมอบคำแนะนำเสมอ ในวันนี้ได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยทุกคนตั้งใจทำงานและรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สิ่งมึนเมา และการพนันทุกชนิด เพื่อมีเงินเก็บออมมาต่อยอดหลังจากเสร็จสิ้นสัญญาจ้าง ที่สำคัญคือเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ในการทำงานที่เป็นประโยชน์กลับมาพัฒนาตนเอง บ้านเกิด และพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยต่อไป
ด้านนายมงคล สงคราม รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานอยู่ทั่วโลกใน 139 ประเทศ ซึ่ง 5 อันดับแรกที่คนไทยไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น รัฐอิสราเอล และมาเลเซียตามลำดับ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีการจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศแล้ว 67,208 คน ประมาณการรายได้เฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่คนหางานในต่างประเทศส่งกลับประเทศไทยผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย รวม 181,492 ล้านบาท และยังดำเนินการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเทศญี่ปุ่น ในงานด้านอาหารและเครื่องดื่ม งานบริการด้านประชาสัมพันธ์ เจรจาเพิ่มสัดส่วนการจ้างงานเพศหญิงทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับในโรงแรม รัฐอิสราเอล เพิ่มโควตาการจ้างงานภาคเกษตรจากปีละ 6,000 คน เป็น 20,000 คน แรงงานไทยที่ทำงานครบ 5 ปี 3 เดือน สามารถกลับมาทำงานอิสราเอลได้อีก และเพิ่มการจัดส่งแรงงานภาคก่อสร้างแบบรัฐต่อรัฐ สาธารณรัฐเกาหลี เพิ่มการจ้างแรงงานไทยในกิจการประเภทอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ และล่าสุดสาธารณรัฐอิตาลี เจรจาให้บรรจุประเทศไทยไว้ในพระราชกฤษฎีจาการเคลื่อนย้าย (Flows Decree) ของสาธารณรัฐอิตาลีเพื่อสามารถจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานได้ และประสานความร่วมมือให้แรงงานไทยไปทำงานในภาคเกษตร
สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดตามข่าวสารการประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694