วว. จับมือ องค์การสุรา ขับเคลื่อนการวิจัยพัฒนาพลังงานทางเลือกให้ยั่งยืน มุ่งเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์จากกากน้ำตาล

วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ณ วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายสัญชัย ชาสมบัติ ผู้อำนวยการองค์การสุรา กรมสรรพสามิต ลงนามความร่วมมือดำเนินโครงการปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตแอลกอฮอล์ ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบจนถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระยะเวลาโครงการฯ 5 ปี โดยมี ดร.ประทีป วงศ์บัณฑิต รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน วว. นายสมควร จารุสมบัติ รองผู้อำนวยการฝ่ายผลิต องค์การสุรา เป็นสักขีพยาน

โอกาสนี้ นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิตและประธานกรรมบริหารกิจการขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต นายสมพร มั่งมี คณะอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของ ผวว. และอดีตกรรมการ วว. คณะผู้บริหารและบุคลากรทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีด้วย ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 5 อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จังหวัดปทุมธานี

สำหรับความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์จากกากน้ำตาล เพื่อพัฒนา ปรับปรุงและใช้ประโยชน์จากหน่วยการหมักแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลัง (Cassava Fermentation Unit) ที่มีอยู่เดิม เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นผลจากงานวิจัยในการเพิ่มผลิตภาพ สนับสนุนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานทางเลือกของประเทศ ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตแอลกอฮอล์และหาแนวทางในการต่อยอดธุรกิจแอลกอฮอล์ขององค์การสุราและการพัฒนาแอลกอฮอล์เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมใหม่

ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการทำงานแบบบูรณาการระหว่าง วว. และองค์การสุรา เพื่อขับเคลื่อนการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างคุ้มค่าและร่วมผลิตผลิตภัณฑ์ที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม เพื่อความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุดและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการ Upcycling นำของเสียมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำ CO2 กลับมาใช้ใหม่ โดย วว. มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทน อาทิ การผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำจากมันสำปะหลัง การผลิตแก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล และโรงงานผลิตเอทานอลที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่มีขนาดกำลังการผลิต 5,000 ลิตร เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น กากมัน ซังข้าวโพด ฟางข้าวและกากชานอ้อย เป็นต้น เพื่อสร้างเสถียรภาพทางด้านพลังงานในประเทศ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สร้างสังคมเกษตรกรรมแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมี ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย ณ บางเขน เพื่อการศึกษาเรียนรู้ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมและเป็นต้นแบบสำคัญในการนำ วทน. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบาย BCG ช่วยลดการขาดดุลการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีของประเทศ

“…วว. ดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนานและก้าวเข้าสู่ปีที่ 61 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกระทรวง อว. ได้มอบหมายให้ วว. เป็นหน่วยงานที่ช่วยขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ชุมชนและประเทศชาติ ทิศทางการดำเนินงานของ วว. ต่อจากนี้ มุ่งเน้นการดำเนินงาน ดังนี้ 1) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของประเทศ 2) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 3) เร่งการพัฒนาบริการวิเคราะห์ทดสอบมูลค่าสูงที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อลดการส่งวิเคราะห์ทดสอบต่างประเทศของผู้ประกอบการ SMEs และ 4) ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะ เพื่อให้สามารถนำ วทน. ไปขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรรม ผ่านการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรคู่ความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อความสำเร็จในระยะเวลาอันใกล้…” ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าว

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิตและประธานกรรมบริหารกิจการขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต กล่าวว่า ความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานครั้งนี้เป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญ ที่จะมีการพัฒนานำแอลกอฮอล์ไปใช้ประโยชน์ร่วมกันใน 2 มิติ คือ การพัฒนาคุณภาพและการเพิ่มผลิตภาพ ปัจจุบันประเทศเรามีเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในการพัฒนาแอลกอฮอล์ไปใช้ทางการแพทย์ อาหาร เชื้อเพลิง และยังมีอีกหลายทิศทางที่ยังไม่ได้ทำ เช่น ในต่างประเทศมีการพัฒนาแอลกอฮอล์ไปใช้แทน LPG หรือในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดผสมผสานกันได้ แม้กระทั่งการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่ม ( Food pairing) ซึ่งเป็นการดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ก่อให้เกิดมูลค่ามากกว่าที่จะทำให้เกิดสภาวะที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ประเทศเรามีอาหารและผลไม้หลากหลาย สามารถนำมาเพิ่มมูลค่า เพื่อตอบโจทย์และสร้าง Soft power เป็น demand size หรือความต้องการซื้อที่สำคัญและน่าสนใจ ดังนั้นก้าวต่อไปภายใต้ความร่วมมือนี้เราจะเดินร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะร่วมกันสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ

ผู้อำนวยการ องค์การสุรา กล่าวว่า องค์การสุราเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์บริสุทธิ์รายเดียวในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งเน้นการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเอทิลแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง มุ่งสู่การสร้างคุณค่าให้กับสังคมเพื่อความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” โดยใช้โอกาสทางธุรกิจ คุณภาพด้านอุตสาหกรรมเอทิลแอลกอฮอล์และการบริการของอุตสาหกรรมต้นน้ำสู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ ส่งเสริมการเจริญเติบโตและสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมต่างๆ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้มีความคล่องตัว มั่นคง จนก่อให้เกิดความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“…ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและสร้างความเปรียบให้ภาคอุตสาหกรรม ในการใช้ประโยชน์จากแอลกอฮอล์ ด้วยศักยภาพความเชี่ยวชาญของ วว. ที่มีห้องปฏิบัติการและโรงงานผลิตเอทานอลที่กำแพงเพชร ตลอดจนองค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทน จะเป็นพันธมิตรสำคัญที่จะมาช่วยในการดำเนินงานขององค์การสุรา ในการเพิ่มมูลค่าแอลกอฮอล์สู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมสาขาต่าง ๆ เช่น เป็นส่วนผสมของเชื้อเพลิงเครื่องบิน เป็นส่วนผสมในน้ำมัน นำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม หรือเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมไบโอพลาสติก เป็นต้น นอกจากนี้องค์กรสุรายังสนใจด้านการใช้ของที่เหลือจากการทำปาล์มน้ำมัน นำมาผลิตเอทานอลที่มีมูลค่าสูงกว่า ซึ่งเราต้องการพันธมิตร เช่น วว. มาช่วยในการดำเนินงานให้สำเร็จเป็นรูปธรรม…” นพ.สัญชัย ชาสมบัติ ผู้อำนวยการองค์การสุรา กล่าว