วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประชุมหารือแนวทางการจัดการผู้เสพยาเสพติดที่ศาลสั่งคุมประพฤติตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การหารือระหว่าง 2 กระทรวงในวันนี้ เพื่อต้องการจัดการยาเสพติดแบบครบวงจร เพราะหากไม่ครบวงจร ก็จะมีการสะดุดทั้งหมด โดยการแก้ปัญหายาเสพติดในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ก็จะเกี่ยวข้องกับการบำบัด ซึ่งในส่วนงานของกระทรวงยุติธรรม ต้องยอมรับว่า มีสถานที่บำบัดค่อนข้างจำกัด ดังนั้น จากนี้ จะมีการหารือแนวทางการบำบัดกัน โดยจะทำให้การแก้ปัญหายาเสพติดครบวงจร เพราะถ้าได้คนเสพ ก็ต้องถูกสอบสวนว่า ซื้อยามาจากไหน ซึ่งต้องรู้ว่า คนขายคือใคร จะได้ขยายผลไปสู่ผู้ผลิต โดยต้องทำทั้งหมด และเชื่อว่า ยาเสพติด จะหมดไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้อยากหารือ รมว.สาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาการบำบัด เพราะที่ผ่านมา กรมคุมประพฤติ รายงานข้อมูลว่า มีคดียาเสพติด 135,444 คดี แต่ศาลสั่งบำบัด 34,484 คดี โดยถ้าศาลสั่งบำบัดก็ไม่มีปัญหา แต่อีกประมาณ 1 แสนคดี ที่ไม่ได้สั่ง เราก็มีความกังวล จึงมีความพยายามให้ศาล ช่วยสั่งบำบัด เพราะคนเหล่านี้ ยังอยู่ตามชุมชน ทั้งที่ควรได้รับการบำบัด
นอกจากนี้ ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ในวันนี้ ได้มีการหารือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ กระทรวงยุติธรรม ในเรื่องการบำบัดผู้ติดยาเสพติด เพราะที่ผ่านมา มีผู้เสพจำนวนหนึ่ง ผ่านขั้นตอนของศาลมาแล้ว ซึ่งศาลสั่งคุมประพฤติ แต่ไม่ได้สั่งบำบัด จึงทำให้เป็นปัญหา โดยระยะเวลา 3-4 ปี มีคดียาเสพติดที่ศาลสั่งคุมประพฤติ แต่ไม่สั่งบำบัด ประมาณ 1 แสนราย ซึ่งถ้าไม่บำบัดก็จะเกิดปัญหา ดังนั้น ต้องมีการบูรณาการทั้ง สาธารณสุข ยุติธรรม มหาดไทย กลาโหม โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนจากนี้ ต้องหารือเรื่องกฎหมายให้บำบัดต่อไป
เมื่อถามถึงความพร้อมรองรับการบำบัดของกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ใน 1 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ต้องบำบัดด้วยสังคม ส่วนกลุ่มสีส้ม และสีแดง ต้องบำบัดด้วยยา ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมเต็มที่ เมื่อถามถึงแนวคิด 1 ผู้เสพ ขยายผล 1 ผู้ขาย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้เสพ ถ้าสมัครใจบำบัด ไม่ต้องขึ้นศาล แต่ต้องบอกให้ได้ว่า ซื้อยาบ้ามาจากใคร ดังนั้น ต้องมีการสอบสวน และตำรวจต้องดำเนินคดีกับผู้ขายรายดังกล่าว และขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์ตัดวงจรการค้ายาเสพติดต่อไป ดังนั้น จากนี้ ถ้าจับผู้เสพ 1 ราย ก็ต้องมีผู้ขาย 1 รายด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้ เรามาติดตามเร่งรัดในการป้องกันปราบปรามและบำบัดยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมา เรามีความกังวลกลุ่มผู้เสพเดิม ที่ไม่ผ่านการบำบัด เพราะยังอยู่ตามชุมชน จึงมีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากการบำบัดต้องใช้สาธารณสุขนำ โดยหลังจากนี้ กรมคุมประพฤติ จะเสนอศาล เพื่อเพิ่มเงื่อนไขให้เข้ารับการบำบัดด้วย ซึ่งเมื่อเพิ่มการบำบัด ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของสาธารณสุขต่อไป