รมว.ธรรมนัส พบปะพี่น้องชาวนครปฐม เดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำ ลดน้ำท่วม-น้ำแล้ง

วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง พร้อมรับฟังปัญหาและมอบแนวทางการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อช่วยเกษตรกรในพื้นที่ โดยมี นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน นายพงษ์ศักดิ์ ฤทธิสมิต ผู้อำนวยการสํานักงานชลประทานที่ 13 และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย

นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ คลองระบายน้ำ 7 ขวา – สองพี่น้อง กม.9+710 ฝั่งซ้าย เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรประมาณ 1,200 ไร่ และป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ ตลอดจนสนับสนุนน้ำให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าการปรับปรุงประตูระบายน้ำบางหลวง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคลองส่งน้ำและระบายน้ำ 3 ขวา-นครชัยศรี (คลองบางหลวง) ตำบลบางหลวง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีการใช้งานมาเป็นระยะเวลา 74 ปี เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพทั้งในช่วงฤดูแล้งและฤดูน้ำหลาก สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในเขตพื้นที่ตำบลบางหลวง ตำบลไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน และตำบลสระสี่มุม อำเภอกำแพงแสน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่

ต่อมา ได้เดินทางไปยังองค์การบริหารหารส่วนตำบลบางระกำ อำเภอบางเลน เพื่อพบปะพี่น้องเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวไผ่หูช้าง เพื่อพูดคุยรับฟังปัญหาและความต้องการของพี่น้องเกษตรกร พร้อมมอบปัจจัยการผลิต และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานต่างๆ ในการนี้ อธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงานแผนการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำคลองรางส้มป่อย ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี

ซึ่งปัจจุบัน กรมชลประทาน ได้วางแผนดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบระบายน้ำส่วนเกินและป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วม พื้นที่การเกษตร บ้านเรือนประชาชน และสถานที่ราชการในเขตพื้นที่ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม กว่า 1,000 ไร่

ในการนี้ ร้อยเอกธรรมนัสฯ ได้มอบหมายให้ กรมชลประทานเร่งดำเนินการโครงการต่างๆให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำให้กับชาวนครปฐม ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป