กรม สบส. ร่วม กก.4 บก.ปคบ. และ สสจ.ปทุมธานี ลงตรวจคลินิกย่านรังสิต เคลียร์ปมสาวติดเชื้อรุนแรงจากแผลไหม้ หลังเลเซอร์ขน

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ร่วมกองกำกับกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ปทุมธานี ลงตรวจคลินิกย่านรังสิต หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้รับบริการเลเซอร์ขน และเกิดการติดเชื้อรุนแรงจากแผลไหม้ พบผู้ให้บริการเป็นหมอเถื่อน สั่งฟันโทษทันที 3 กระทง พร้อมเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมาย

วันที่ 25 เมษายน 2567 ณ กองบังคับการปราบปราม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่กรม สบส. ได้รับเรื่องร้องเรียน จากหญิงสาว อายุ 36 ปี ว่าได้เข้ารับบริการเลเซอร์ขนกับคลินิกแห่งหนึ่งย่านรังสิต และได้รับผลกระทบจากการรับบริการเกิดการติดเชื้อรุนแรงจากแผลไหม้ระดับ 2 อยู่ในจุดที่ใกล้อวัยวะเพศ ซึ่งคลินิกดังกล่าว มิได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา กรม สบส. จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และ สสจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ คลินิกดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรังสิตคลอง 1 จังหวัดปทุมธานี โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นของพนักงานเจ้าหน้าที่กรม สบส. พบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวมีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมาย แต่นางสาวสาธิตาฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเลเซอร์ขนตามร่างกาย ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยนางสาวสาธิตาฯ กล่าวอ้างว่าจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล และให้บริการในลักษณะดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อหาการกระทำผิดกับนางสาวสาธิตาฯ เบื้องต้นใน 3 กระทง ได้แก่ 1)ความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2)ความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ฐานขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ 3)ความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ฐานขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมจะดำเนินการเรียกตัวผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมารับทราบข้อหาการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้

ทันตแพทย์อาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน สถานพยาบาลมักใช้วิธีกำจัดขนแบบถาวรด้วยวิธีเลเซอร์ โดยอาศัยพลังงานความร้อนจากแสงไปทำลายรากขน ซึ่งแม้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้กำจัดขนในปัจจุบันจะเป็นเลเซอร์ชนิดที่มีความปลอดภัยสูง แต่อุปกรณ์เลเซอร์ที่ใช้ให้บริการนั้นก็ยังถือเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่งจะต้องมีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละราย การที่คลินิกปล่อยให้พนักงานประจำคลินิกมาใช้เครื่องเลเซอร์ แม้คลินิกจะขึ้นทะเบียนถูกต้อง แต่หากใช้ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์จะถือว่าเข้าข่ายหมอเถื่อน ซึ่งนอกจากตัวของหมอเถื่อนโดนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ผู้ประกอบกิจการและแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องร่วมรับผิดตามกฎหมายด้วย ดังนั้น  กรม สบส.จึงขอย้ำเตือนกับคลินิกทุกแห่งห้ามปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นที่มิใช่แพทย์ ซึ่งขาดความรู้และความชำนาญมาใช้เครื่องมือแพทย์ และขอให้ประชาชนสังเกตผู้ใช้เครื่องมือแพทย์ว่าจะต้องตรงกับรูปของแพทย์ที่แสดงหน้าห้องตรวจ หากไม่ตรงถือว่าเป็นหมอเถื่อน ให้หลีกเลี่ยงการรับบริการและให้แจ้งที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 กรม สบส.จะตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที