กรมควบคุมโรค ชี้ฉีดวัคซีน HPV ครึ่งปีแรกไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคน ลดเสี่ยงหญิงไทยตายจากมะเร็งปากมดลูกเกือบ 2 หมื่นราย ลดภาระงบประมาณประเทศได้กว่า 3,000 ล้านบาทในภายหน้า

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชวนหญิงไทยอายุระหว่าง 11-20 ปี รับวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก เข็มที่ 2 หลังดำเนินการฉีดเข็มแรกไปแล้วกว่า 1.6 ล้านโดส ในครึ่งปีแรก คาดประมาณผลกระทบของนโยบายมะเร็งครบวงจร ลดเสี่ยงหญิงไทยจากการป่วยมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 2.4 หมื่นราย ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 1.9 หมื่นราย ลดภาระงบประมาณประเทศได้อย่างน้อยประมาณ 1,200-3,400 ล้านบาทในภายหน้า

วันที่ 4 เมษายน 2566 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งในสตรีที่พบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human papilloma virus) สามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ตามนโยบายมะเร็งครบวงจร ภายใต้การนำของ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดบริการฉีดวัคซีน HPV ให้หญิงไทยหญิงอายุ 11-20 ไปแล้ว 1,660,987 ราย ซึ่งการรณรงค์ฉีดวัคซีนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกันโรคในระดับบุคคล แต่ยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับประชากร ให้กับเด็กและหญิงไทยพร้อมกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลดีไปในภายหน้าหลายสิบปี และหากกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีน HPV เข็มที่ 2 โดยห่างจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 6 เดือน จะมีภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันโรคที่สูงขึ้นเป็นระยะเวลานานตลอดช่วงระยะเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อไวรัส

ทั้งนี้ จากการประเมินผลโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนเอชพีวีอย่างเร็ว โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในการทำนายผลกระทบของโครงการในอนาคต พบว่าประชากรกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงมากกว่า 2.4 หมื่นราย และลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า 1.9 หมื่นราย เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้ คาดประมาณว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนในครั้งนี้จะสามารถลดภาระงบประมาณประเทศได้ประมาณ 1,200-3,400 ล้านบาท ในอนาคต

นายแพทย์ธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเตรียมการให้บริการวัคซีน HPV ในระยะต่อไป ซึ่งเป็นการให้บริการวัคซีน HPV เก็บตกในกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้วัคซีน HPV เข็มที่ 1 รวมทั้งการให้บริการวัคซีน HPV เข็มที่ 2 ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกเหนือไปจากการให้บริการฉีดวัคซีน HPV ในนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามระบบปกติในเดือนพฤษภาคมของทุกปี