นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งยกระดับ “ลดการเผาในพื้นที่เกษตร” โดยการนำฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร มาวิเคราะห์ข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรและพื้นที่เก็บเกี่ยวรายเดือนแยกเป็นรายอำเภอและรายตำบล เน้นหนักใน 3 พืชที่มีปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และอ้อย มาเชื่อมโยงกับข้อมูลจุดความร้อนสะสมในพื้นที่การเกษตรย้อนหลัง 1 – 3 ปี เพื่อกําหนดพื้นที่เสี่ยงที่มีโอกาสเกิดการเผาในพื้นที่การเกษตรได้ เช่น พื้นที่มีสถิติเผาซ้ำซาก พื้นที่ที่ต้องเร่งรอบการทำเกษตรอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ที่เข้าไปบริหารจัดการเศษวัสดุได้ยาก หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกลและแรงงาน ทำให้มีความจำเป็นต้องเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และพัฒนาระบบแผนที่ให้สามารถแสดงพิกัดสถานที่ที่มีความสามารถในการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น พิกัดจุดรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โรงไฟฟ้าชีวมวล จุดรับอัดฟางหรือให้บริการเช่าเครื่องจักรอัดฟาง เป็นต้น รวมถึงยังสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไปพร้อมกันได้อีกด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้จัดทำแผนการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ที่มีการประเมินปริมาณเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทั้งหมด โดยให้นำข้อมูลการประเมินปริมาณเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่ยังไม่มีแผนการบริหารจัดการนำไปใช้เพื่อนำมาบริหารจัดการ โดยนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่ม และเชื่อมโยงตลาด รวมทั้งบริหารจัดการกำลังคน เครื่องจักรกล เครื่องมือและอุปกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และดำเนินการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกร ผ่านหอกระจายข่าวในชุมชน วิทยุชุมชน เวทีชุมชน เวทีของส่วนราชการในพื้นที่ การฝึกอบรมเกษตรกรในทุกโครงการ รวมถึงช่วงเวลาที่เกษตรกรมาติดต่อราชการที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัด หรือมาขอรับบริการ ณ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช และขั้นตอนการประชาคมในการขึ้นทะเบียน/ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เพื่อชี้แจงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเผาในพื้นที่การเกษตร ทั้งต่อตนเอง ชุมชน และสังคม นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการ และเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รวมทั้งชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรการ และแจ้งบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังเร่งดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในช่องทางการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผ่านระบบออนไลน์ ทั้ง 2 ช่องทาง คือ แอปพลิเคชัน Farmbook และ ทะเบียนเกษตรกรออนไลน์ (e-Form) ที่ https://efarmer.doae.go.th/ โดยเพิ่มฟังก์ชันระบบแจ้งเตือนเกษตรกรเป็นรายบุคคล (Personal- notification System) ที่แจ้งปลูกไว้ในระบบทะเบียนเกษตรกรและอยู่ในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นข้อมูลที่ให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การไถกลบ การทำปุ๋ยหมัก เป็นต้น และพิกัดสถานที่ที่มีความสามารถในการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่อยู่ใกล้กับแปลงปลูกโดยอ้างอิงจากเทคโนโลยีดาวเทียม เช่น เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เมื่อแจ้งปลูกในทะเบียนเกษตรกรเรียบร้อยแล้ว เมื่อใกล้ถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อเกษตรกรเข้าแอปพลิเคชัน Farmbook หรือ ทะเบียนเกษตรกรออนไลน์ (e-Form) ระบบกล่องแจ้งเตือน จะมีการแจ้งเตือนในส่วนของการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว เช่น องค์ความรู้การจัดการฟาง ตำแหน่งจุดรับอัดฟางหรือเช่าเครื่องจักรอัดฟาง จุดรับซื้อฟางอัดก้อน โรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่ใกล้เคียง เป็นต้น และในอนาคตจะดำเนินการพัฒนาระบบแผนที่ให้สามารถประมวลผลแสดงข้อมูลทับซ้อนกัน ระหว่างฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ฐานข้อมูลจุดความร้อนสะสมในพื้นที่การเกษตร พิกัดสถานที่ที่มีความสามารถในการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้การส่งเสริมการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอย่างถูกต้องทดแทนการเผา ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดต้นทุนในการผลิต การนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน