วันที่ 18 มีนาคม 2567 พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมลงพื้นที่ป่าชุมชนบ้านร่องบอน ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามการดำเนินงานของป่าชุมชน
พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน สนับสนุนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคประชาชน ในการบริหารจัดการป่าร่วมกับภาครัฐ เช่น เครือข่าย ทสม. เครือข่ายป่าชุมชน เครือข่าย รสทป. เครือข่ายอาสาสมัคร โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางสร้างการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และเสริมความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ รวมถึงช่วยกันบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งครั้งนี้ได้มีโอกาสมาติดตามการดำเนินงานป่าชุมชนบ้านร่องบอนที่จังหวัดเชียงราย และได้ให้กำลังใจพี่น้องชาวอำเภอพาน เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปกป้องบำรุงรักษาดูแลป่าชุมชนทั่วประเทศให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกป่าชุมชนบ้านร่องบอนทุกคนที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ร่วมดูแลรักษา บริหารจัดการป่าชุมชนจนประสบผลสำเร็จ ทำให้ป่าชุมชนแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร สามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน เป็นมรดกแก่ลูกหลานต่อไปในอนาคต
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึง ป่าชุมชนบ้านร่องบอน ว่าเป็นหนึ่งในป่าชุมชนต้นแบบที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้งเป็นป่าชุมชนในปี 2552 บนเนื้อที่ประมาณ 450 ไร่ ป่าชุมชนแห่งนี้ได้สร้างคุณประโยชน์มากมาย โดยชุมชนได้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าให้กลับมาเป็นป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ลดการสูญเสียสภาพป่าไม้และสัตว์ป่า สามารถป้องกันปัญหาไฟป่าที่ยังคงทวีความรุนแรงช่วยไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามเข้ามาในพื้นที่ได้ ส่งผลให้ปัญหาหมอกควัน ฝุ่น PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ลดลงและคุณภาพอากาศในบรรยากาศดีขึ้น นอกจากนี้ป่าชุมชนบ้านร่องบอน ยังเคยได้รับรางวัลป่าชุมชนชนะเลิศระดับภาค ประจำภาคเหนือ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา จากโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน โดยความร่วมมือระหว่างกรมป่าไม้ และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนป่าชุมชนให้เติบโต เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2593 และขอฝากถึงประชาชนทุกคนในพื้นที่ รวมถึงเครือข่ายอาสาสมัคร เครือข่าย ทสม. เครือข่ายป่าชุมชน ร่วมกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันดูแลป้องกันไฟป่าที่จะเกิดขึ้นในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และป่าชุมชนของเรา
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า เครือข่ายป่าชุมชน จัดตั้งภายใต้พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ซึ่งปัจจุบันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ ได้มีการส่งเสริมป่าชุมชนจำนวน 12,430 แห่ง ชุมชนมีส่วนร่วมจำนวน 14,040 หมู่บ้าน รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 6.85 ล้านไร่ ทั้งนี้ ชุมชนมีหน้าที่และสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมินิเวศในแต่ละท้องที่ รวมถึงการบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์ โดยกรมป่าไม้ มีเป้าหมายที่จะขยายการจัดตั้งป่าชุมชนให้ครบ 15,000 แห่ง 18,000 หมู่บ้าน บนเนื้อที่ 10 ล้านไร่ ภายในปี พ.ศ. 2570