รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่พะเยา มอบเงินสินเชื่อชะลอข้าวเปลือกนาปีให้ชาวนา 1.862 ล้านบาท ตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว 66/67 หนุนกลไกสหกรณ์สร้างความเข้มแข็งเกษตรกรไทย

วันที่ 17 มีนาคม 2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา เป็นประธานในพิธีมอบเงินตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร ปี 2566/67 พร้อมมอบนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับพื้นที่และเกษตรกร โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ รวมกว่า 1,000 คน ให้การต้อนรับ ณ สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร 300 ราย เป็นเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา ดอกคำใต้ และภูซาง ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์และทำการเกษตรในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดพะเยา มีแผนดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 9,630 แปลง ซึ่งการปรับปรุง ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เป็นการเพิ่มมูลค่าในการนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกัน รวมถึงเกษตรกรสามารถโอนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นเกษตรกร ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จากนั้น ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” อีกด้วย

ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2566/67 สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด ได้รวบรวมข้าวเปลือกของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ จำนวน 24,280 ตัน มูลค่า 297,474,498.06 บาท โดยได้นำข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 4,653 ตัน จำนวนเงินกู้ 170,000,000 บาท โดยได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 6,979,500 บาท โดยเป็นค่าเก็บรักษาของสหกรณ์ตันละ 1,000 บาท เป็นเงิน 5,117,500 บาท สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรได้รับตันละ 500 บาท เป็นเงิน 1,862,000 บาท สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จำนวน 1,014 ราย

“ราคาข้าวในฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีที่ผ่านมา เราได้ทำโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ตั้งเรื่องเสนอขึ้นไปเพื่อทำโครงการชะลอการขายข้าวโดยสถาบันเกษตรกร ประกอบด้วยสหกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความเข้มแข็ง ศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งมาตรการเหล่านี้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวนาได้ขายข้าวในราคาดี จากการสอบถามพี่น้องชาวนาในพื้นที่จังหวัดพะเยา ทราบว่าขายข้าวได้ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 11 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงในประวัติศาสตร์ ตกตันละ 11,000 – 14,000 บาท ถือว่ามาตรการนี้ได้ผล ขณะเดียวกันพี่น้องเกษตรกรก็มีรายได้จากการรักษาข้าว ซึ่งสถาบันเกษตรกรจะคืนเงินให้พี่น้องเกษตรกร ตันละ 500 บาท ที่มารับกันในวันนี้

นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการเลี้ยงปลายี่สกในกว๊านพะเยาด้วย เนื่องจากอาชีพประมงเป็นอีกอาชีพหนึ่งของคนพะเยา และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่คือ กว๊านพะเยา ในขณะเดียวกันที่ผ่านมา ชาวบ้านหลาย ๆ ตำบลของพะเยาที่มีสหกรณ์ตั้งอยู่ ก็ได้ส่งเสริมการเลี้ยงปลานิล หลังจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงก็จะเข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและเลี้ยงปลายี่สกให้ชาวบ้านด้วย ซึ่งเรามีตลาดอยู่แล้ว ก็จะเป็นการสร้างรายได้โดยใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริมให้พี่น้องเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่ม ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ส่วนการจัดประชุม ครม.สัญจร จังหวัดพะเยานั้น ท่านนายกรัฐมนตรีได้หารือหลายรอบแล้ว เห็นว่าจังหวัดพะเยายังเป็นจังหวัดที่มีความบริสุทธิ์ในเรื่องของธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อยู่หลายจุด ที่คนไทยอีกเยอะยังไม่รู้ว่าที่จังหวัดพะเยาเป็นเพชรเม็ดงาม เช่น กว๊านพะเยา ทะเลหมอกที่สวยที่สุดที่ภูลังกา น้ำตกที่ตกตลอดทั้งปีที่เป็นน้ำตกอุ่นแห่งเดียวในโลกที่อำเภอภูซาง นอกจากนี้ยังมีเมืองโบราณ ซึ่งถือว่าจังหวัดพะเยามีซอฟพาวเวอร์มากพอที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่จังหวัดพะเยา ณ ขณะนี้เรามีความพร้อมด้านการขนส่งทางบกอยู่แล้ว ทางรางกำลังก่อสร้างรถไฟรางคู่ตั้งแต่เด่นชัยไปจนถึงเชียงของ และมีโครงการขยายต่อไปยังประเทศลาวและจีนต่อไป ขณะเดียวกัน ทางอากาศท่านนายกฯ เห็นว่าพะเยาน่าจะมีสนามบินเป็นของตนเองจะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยว ขยับฐานะจากเมืองรองเป็นเมืองเอกในอนาคต ท่านนายกฯ จึงมาประชุม ครม.สัญจรที่นี่ เนื่องจากการศึกษาเบื้องต้น ตอนนี้ได้พิกัดสนามบินแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะศึกษา EIA หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวันพรุ่งนี้จุดแรกที่ท่านนายกฯ จะลงคือ อำเภอดอกคำใต้ จะไปดูจุดพิกัดการสร้างสนามบิน จุดที่สองคือ การเปิดด่านชายแดนที่บ้านฮวก อำเภอภูซาง ชายแดนระหว่างไทยกับลาว เป็นการค้าขายระหว่างไทย ลาว และประเทศจีน

ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.สัญจร ครั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นำเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์ คือ โครงการสนามบินจังหวัดพะเยา นอกจากนั้น ยังมีโครงการพัฒนาด่านบ้านฮวก การพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญ เนื่องจากกว๊านพะเยาเป็นที่ที่รับผิดชอบโดยตรง และอยู่ในแผนที่จะพัฒนาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอาจจะกระทบต่อพี่น้องที่อยู่อาศัยในขณะนี้ การพัฒนาย่อมมีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่อาศัยบ้าง ขอให้อดทนเพื่อให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป จะสังเกตว่าปีนี้น้ำในกว๊านพะเยาปกติใกล้เดือนเมษายนน้ำจะเริ่มแห้ง แต่ปีนี้น้ำยังเต็ม เราต้องช่วยกันเพื่อคนพะเยา” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว