รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเดินทางไปญี่ปุ่น 13-15 มี.ค.นี้ เปิดและติดตามการจัดสร้างอาคารนิทรรศการไทย ภายในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ภายใต้แนวคิด SMILE โชว์ศักยภาพ Wellness & Medical Hub ของไทย หวังเป็นหมุดหมายชาวโลกมาท่องเที่ยวสุขภาพ พร้อมหารือ รมว.สธ.ญี่ปุ่น ติดตามความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ซึ่งช่วงวันที่ 13-15 มีนาคม 2567 ตนพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข มีกำหนดจะเดินทางเยือนนครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดและติดตามความคืบหน้าการจัดทำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ภายใต้แนวคิด “SMILE” คือ S : Siam M : Medical and Wellness Hub World Destination I : Inspiration towards Wellness Community L : Living Lab และ E : Enhancing Thailand
“อาคารนิทรรศการไทยแห่งนี้ จะแสดงถึงศักยภาพการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) ของประเทศไทย เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของประชาคมโลก ตามวิสัยทัศน์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะผลักดันอุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร จากจุดเด่นของสถานพยาบาลไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก บุคลากรมีความสามารถเป็นที่ยอมรับ และค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าประเทศ” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ในโอกาสนี้ จะเดินทางไปยังกรุงโตเกียว เพื่อหารือความร่วมมือกับ นายเคอิโซะ ทาเคมิ (H.E. Prof. Keizo TAKEMI) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ เพื่อติดตามความร่วมมือด้านสาธารณสุขภายใต้กรอบอาเซียน ที่ญี่ปุ่นได้สนับสนุนอาเซียนในการจัดตั้ง ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases (ACPHEED) ใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย โดยมีสำนักเลขาธิการของศูนย์ฯ ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย รวมทั้งแสวงหาโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือในการผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพในระดับโลก ตามวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในประเด็นระดับนโยบายที่จะเปิดให้สามารถใช้สวัสดิการรักษาพยาบาลของต่างประเทศเข้ามารับบริการในประเทศไทยได้