เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง กรุงเทพมหานคร นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขับเคลื่นนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ.2567 กรมประมง” โดยมีรองอธิบดี คณะผู้บริหาร และบุคลากรในสังกัด ทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วมประชุม และแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติราชการที่มีความแตกต่างกัน ในแต่ละบทบาทหน้าที่และพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมประมงให้ไปในทิศทางเดียวกัน เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสุงสุดแก่องค์กรและประชาชน
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมฯ ว่า…การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บุคลากรในสังกัดกรมประมงได้รับทราบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติราชการของกรมประมง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านการประมง เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด แก่เกษตรกร ชาวประมง และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีหลักการปฏิบัติงานด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยได้กำหนดกรอบการทำงาน 7 ด้าน เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการปฏิบัติงาน ดังนี้
1) สนองงานสถาบันพระมหากษัตริย์ สืบสาน รักษา ต่อยอด สนองงานตามเนวโครงการตามพระราชดำริ สร้างอาชีพประมงยั่งยืน ทั้งในส่วนของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และงานตามพระบรมราโชบาย งานจิตอาสา งานอนุรักษ์ปลาไทย งานส่งเสริมความรู้จากฟาร์มตัวอย่างถึงเกษตรกร โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และชุมชน
2) งานวิชาการตอบสนองการบริหารจัดการทรัพยากร การส่งเสริมอาชีพและการกำหนดมาตรการ โดยงานวิจัยต้องสามารถตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ตรงตามความต้องการและสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชน รวมถึงสามารถนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
3) แก้ปัญหาด้านการทำประมง ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับวิถีทำการประมงในปัจจุบันโดยไม่ขัดต่อพันธะสัญญากับองค์การระหว่างประเทศ มีกลไกคณะกรรมการ/คณะทำงานเพื่อแก้ปัญหา ใช้หลักการป้องกันล่วงหน้า ภายใต้หลัก “ประชาสัมพันธ์ นำการจับกุม” จัดทำคู่มือการปฏิบัติในการใช้กฎหมายอย่างชัดเจนและต้องถือปฏิบัติอย่างมีคุณธรรม
4) บริหารจัดการประมงอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานทางวิชาการและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่ต้องมีองค์ความรู้ด้านวิชาการและทักษะการทำงานร่วมกับชุมชน เน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ มีข้อมูลครอบคลุมทุกมิติและทันเหตุการณ์ เพื่อการบริหารจัดการและการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุผลการปฏิบัติงานได้เชิงประจักษ์
5) การผลิตด้านประมง โดยใช้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยวิเคราะห์สถานการณ์การผลิต การตลาด การนำเข้า ส่งออกสัตว์น้ำ เพื่อการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยขับเคลื่อนผ่าน Mr. สัตว์น้ำ การพัฒนางานวิจัย และส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่ เพื่อให้ผลผลิตได้รับมาตฐานรองรับการส่งออก
6) การขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นแผนงานโครงการที่สำคัญของรัฐบาล สนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถของสินค้าภาคการประมงไทยให้เป็นที่ยอมรับและแข่งขันได้ในตลาดโลก
7) สนับสนุนขับเคลื่อนด้วยความแม่นยำรวดเร็วและถูกต้อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการพัฒนาด้านการประมงไทย ตามวิสัยทัศน์กรมประมง ที่มุ่งมั่น พัฒนา ให้ความสำคัญทั้งระบบ ตลอดห่วงโซ่การผลิตให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรและชาวประมงไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นอกจากนั้นอธิบดีกรมประมง ยังเน้นย้ำถึง 4 องค์ประกอบสำคัญ ที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วนในการพัฒนาองค์กรและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมประมง ได้แก่ 1) ด้านการเงิน โดย ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบจังหวัด งบท้องถิ่น และแหล่งทุนภายนอก เช่น แหล่งทุนงานวิจัยจากหน่วยงานวิจัยหรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเคร่งครัดการใช้เงินอย่างถูกต้อง แม่นยำ ตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง 2) ด้านคน โดย การสร้าง “ครอบครัวกรมประมง” สร้างคนรุ่นใหม่ ใช้ระบบพี่เลี้ยง ปลูกฝังให้บุคลากรมีความกล้า ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อสู้ และยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง และองค์กรต้องให้ความเท่าเทียมในการแข่งขั้นเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง 3) ด้านงาน โดย มีแผนงานประมงแห่งชาติ แผนงานประมงเชิงพื้นที่ การใช้กลไกคณะกรรมการประมงจังหวัดในการแก้ไขปัญหา และการเสาะหาสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูงในพื้นที่ และการพัฒนาสถาบันไต๋แห่งชาติ 4) ด้านองค์กร โดย ร่วมผลักดันในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร ผลักดันผลงานคุณภาพสู่เวทีระดับชาติ ปลูกฝังจิตบริการที่ดีให้หน่วยงานที่ให้บริการให้แก่ประชาชน เป็นต้น
อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า…สำหรับการขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายสำคัญด้านการประมงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกรพะทรวงเกษตรเละสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนเพื่อช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกร ให้กินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภาคเกษตรเติบโต เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี ด้วย 9 นโยบายสำคัญ นั้น กรมประมง พร้อมที่จะขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมถึงรายงานผลความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อเป็นการนำนโยบายไปปฏิบัติอย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้ ขอให้บุคลากรครอบครัวกรมประมงทุกท่าน ร่วมกันปฏิบัติงานตามนโยบายของกรมประมง กระทรวงเกษตรเละสหกรณ์ ให้เกิดประสิทธิภาพเละประสิทธิผล โดยยึดมั่นในประโยชน์ชาติและประชาชนส่วนรวม ตามคำกล่าว “คิดให้ไกล ไปให้ถึง ประโยชน์ชาติเป็นที่หนึ่ง คำนึงถึงประชาชน” เพื่อนำพาองค์กรและอุตสาหกรรมภาคการประมงไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน…อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย