สำนักงาน ปปง. ร่วมกับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

วันที่ 5 มีนาคม 2567 นายพีรธร วิมลโลหการ ผู้อำนวยการกองกำกับและตรวจสอบและรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ตามที่ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) ได้เร่งรัดให้มีการผลักดันกฎหมายเพื่อพัฒนามาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงให้มีประสิทธิภาพ ยกระดับการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล นั้น

ในวันนี้ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. และ นางสาวยุภาวรรณ ศิริชัยนฤมิตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระหว่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กับ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. คณะผู้บริหารจากสำนักงาน ปปง. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมพิธีฯ ณ ห้องประชุม 701 อาคาร B ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

นายเทพสุฯ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ในวันนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงาน ปปง. และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อนำไปสู่การตัดวงจรอาชญากรรมฟอกเงินได้

ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การตรวจสอบ ยึดและ/หรืออายัดหลักทรัพย์ และ/หรือการระงับการดำเนินการกับหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559 รวมทั้งลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับ – ส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ลดการใช้เอกสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานระหว่างสองหน่วยงานภายใต้กรอบกฎหมาย