วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมราชมังคลาสงขลาเมอร์เมด จังหวัดสงขลา นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ประตูสู่ความสมานฉันท์ ร่วมใจกันไกล่เกลี่ย” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2561 แก่ นายสุชาติ ราชผล ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทชุมชน ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โดยมี นายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ภาคใต้ กล่าวรายงาน ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรอิสระ และภาคประชาชน จำนวน 100 คน เข้าร่วม
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้จัดขึ้นโดย กองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ เปิดตัวพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 เผยแพร่หลักการและสาระสำคัญของพระราชบัญญัติดังกล่าว กลุ่มเป้าหมายได้ความรู้ สาระสำคัญของกฎหมาย สามารถการดำเนินการให้คู่กรณีมีโอกาสเจรจาตกลงการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี และปราศจากการวินิจฉัยข้อพิพาทและให้ข้อตกลงอันเกิดจากความตกลงยินยอมของคู่กรณีมีสภาพบังคับตามกฎหมาย รวมถึงการเข้ามามีส่วนร่วมกับกระทรวงยุติธรรมในการส่งเสริมและดำเนินงานเกี่ยวข้องพิพาท เพื่อให้ประชาชนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้ในชุมชน ทำให้ปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลลดน้อยลง ลดปัญหาความขัดแย้ง เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในสังคม ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษ และมี ร้อยตำรวจโท อุทัยอาทิเวช ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมเสวนาหัวข้อ “พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ประตูสู่ความสมานฉันท์ร่วมใจกันไกล่เกลี่ย” โดยมี นายธปภัค บูรณะสิงห์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท เป็นผู้ดำเนินรายการ สุดท้ายนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมอบรม จะนำความรู้ที่ได้ ไปส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชนและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆเพื่อส่งเสริมพัฒนาและขับเคลื่อนการระงับข้อพิพาททางเลือกด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงความยุติธรรมอย่างสะดวกรวดเร็วเป็นธรรมและผลักดันให้มีกฎหมายกลางเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยหน่วยงานของรัฐพนักงานสอบสวนและศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชชน ให้ถือปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป