วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง รุ่นที่ 3 CAREGIVER TRAINING COURSE ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมี นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิไทยยิ้ม ร่วมเป็นเกียรติ นายกฤษณะพงศ์ พงศ์แสนยากร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ กล่าวถึงความร่วมมือ นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวรายงานและความร่วมมือการจัดอบรมในครั้งนี้ ซึ่งกรมกิจการผู้สูงอายุ บริษัท เมืองไทยประกัน ชีวิต จำกัด (มหาชน ) และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่ออบรมให้กับสื่อมวลชน ณ โถงชั้น 5 อาคาร 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (สำนักงานใหญ่)
นางสาวแรมรุ้ง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ คือมีผู้สูงอายุกว่า 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่มีสภาวะร่างกาย จิตใจ และสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน ได้ดำเนินการขับเคลื่อนมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสมในทุกด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ได้ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของประเทศในการจัดอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุให้กับสมาชิกในครอบครัว อาสาสมัคร ประชาชนทั่วไป หรือผู้ที่สนใจ สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ ในครอบครัวและชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดอบรมในครั้งนี้ดิฉันต้องขอขอบคุณความตั้งใจของ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญ ของการดูแลผู้สูงอายุจึงได้สนับสนุนให้เกิดการจัดอบรมในครั้งนี้เพื่อส่งต่อความรู้ และสร้างสังคมให้น่าอยู่ด้วยการร่วมมือกันดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงหน่วยงานภาคี เครือข่ายที่เกี่ยวข้องที่ช่วยสนับสนุนองค์ความรู้และวิทยากรในหลักสูตร ซึ่งถือได้ว่า เป็นโอกาสอันดีที่สื่อมวลชนที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ทุกท่าน จะได้รับความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ อย่างครบถ้วน ทั้งทางด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยผ่านการรับฟัง การบรรยายภาคทฤษฎีการฝึกปฏิบัติและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับการเสริมสร้างทักษะความรู้ ความเข้าใจในการดูแลตนเอง รวมถึงผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชนได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ และเป็นไปตาม มาตรฐานที่กำหนด รวมถึงเผยแพร่องค์ความรู้ดีๆ เหล่านี้ส่งต่อให้กับสังคมต่อไป