สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ให้ความรู้ความเข้าใจประชาชน “โรคน้ำเหลืองเสีย” หรืออาการผื่นแดง คัน ผื่นแฉะ อาจบวมแดงและมีน้ำเหลืองไหลและมีสะเก็ดสีเหลืองปนน้ำตาล พร้อมทั้งได้ให้คำแนะนำวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ลุกลามหรือเป็นรุนแรงมากขึ้น
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “โรคน้ำเหลืองเสีย” หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Impetigo โรคน้ำเหลืองเสีย เป็นเพียงภาษาชาวบ้านที่ใช้เรียก โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง โดยเชื้อแบคทีเรียจะเข้าสู่ผิวหนังผ่านทางบาดแผลที่เกิดจากรอยถลอกหรือการแกะเกา บริเวณที่เป็นจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน ผื่นแฉะ อาจบวมแดงและมีน้ำเหลืองไหล ร่วมกับมีสะเก็ดสีเหลืองปนน้ำตาลได้ หากได้รับการดูแลรักษาที่ไม่ดี อาจทำให้เกิดการลุกลาม และทำให้หายช้าได้
แพทย์หญิงคล้ายจันทร์ อินทรใจเอื้อ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการรักษาโรคขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความรุนแรง โดยมีทั้งการใช้สบู่ฟอกเพื่อฆ่าเชื้อ การให้ยาทา รวมถึงการใช้ยากินหรือยาฉีดในกรณีที่มีอาการรุนแรง ฉะนั้นผู้ที่มีอาการของโรคควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ยังควรดูแลเรื่องความสะอาดของร่างกายและข้าวของเครื่องใช้ เช่น การตัดเล็บให้สั้น หากผิวหนังสัมผัสสิ่งสกปรกควรรีบล้างทำความสะอาดผิวหนังบริเวณนั้น และไม่แกะเกาบริเวณรอยโรคหรือตำแหน่งที่เป็นผื่น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อที่ผิวหนังและการลุกลามของรอยโรคด้วย ในส่วนของอาหารการกินต่างๆ ไม่ได้มีผลต่อตัวโรคผิวหนังชนิดนี้แต่อย่างใด
#กรมการแพทย์ #สถาบันโรคผิวหนัง #โรคผิวหนัง #โรคน้ำเหลืองเสีย #โรคพุพอง #Impetigo