กฎหมายทรมานอุ้มหาย คุ้มครองกรณี “ลุงเปี๊ยก” หรือไม่ ?

กรณีมีข่าว ลุงเปี๊ยก ถูกกล่าวหาว่าลงมือฆ่าป้าบัวผันต่อมาถูกปล่อยตัวเพราะจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้นั้น ล่าสุดมีคลิปเสียงเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเสียงสนทนาของ ชาย 2 คน ระบุว่า ลูกน้อง มีการยอมรับ ว่ามีการคลุมถุงดำ และ ล่ามโซ่จริง แต่อ้างว่าหลอกเล่น รวมถึงในคลิปเสียงยังพูดถึงลุงเปี๊ยก บอกว่า จริงๆเป็นคนรู้เรื่อง จำได้หมด และ ตอนเล่าเหตุการณ์ไม่ได้เมา นั้น

นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพและโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัด ส่วนจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (กฎหมายซ้อมทรมานและอุ้มหาย) หรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆให้ชัดเจนก่อน โดยที่กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีหลักการและสาระสำคัญ คือ ห้ามทรมาน กระทำที่โหดร้าย และอุ้มหาย อย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เป็นความผิดสากลที่เอาผิดได้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกสถานที่ โดยองค์ประกอบความผิดแต่ละฐาน พิจารณาจาก (1) ผู้กระทำ (2)การกระทำ (3)วัตถุประสงค์ และ(4)ผลของการกระทำ เช่น ฐานความผิดการกระทำทรมาน ผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่นที่ใช้อำนาจรัฐ กระทำการใดๆต่อผู้อื่น เพื่อให้ได้ข้อมูล หรือรับสารภาพ ลงโทษ ข่มขู่ เลือกปฏิบัติ ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ (อาทิ คลุมถุงดำศีรษะ ไฟจี้ ไฟฟ้าช๊อต ล่ามโซ่ ซ้อม ทุบตี ฯลฯ ) เป็นต้น ถ้ามีการ กระทำผิด ต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เท่านั้นและทุกกรณี หากเป็นการกระทำทรมาน อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5ปีจนถึงตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่100,000-1,000,000บาท นอกจากนั้น ผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่รู้การ กระทำนั้นแต่เพิกเฉยต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนผู้สนับสนุนรับโทษเท่าตัวการ ผู้สมคบรับโทษหนึ่งในสามแต่ถ้าความผิดสำเร็จรับโทษเท่าตัวการ

นายธีรยุทธฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายกำหนดว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการควบคุมตัว หมายความว่า การจับ คุมตัว ขัง กักตัว กักขัง หรือการกระทำอื่นที่เป็นการจำกัดเสรีภาพในร่างกายบุคคล จะต้องทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัว เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย พร้อมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองให้ทราบ ซึ่งคณะกรรมการฯตามกฎหมายได้ออกระเบียบแนวปฏิบัติให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติแล้ว ซึ่งผู้เสียหายหมายความถึง สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้อยู่กินฉันสามีภรรยา ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะ และบุคคลที่กฎหมายกำหนด มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลการควบคุมตัว มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอยุติการกระทำความผิด รวมถึงสิทธิการได้รับการเยียวยาความเสียหายเบื้องต้น หากผู้ใดที่พบเห็นหรือทราบ การทรมานฯบุคคลใด ให้แจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครอง พนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน ได้ทุกท้องที่ ทุกจังหวัด รวมถึงสามารถแจ้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพหรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศเพื่อจะได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องต่อไป และหากการแจ้งนั้นกระทำโดยสุจริต ไม่ต้องรับผิดทางแพ่งทางอาญา หรือทางวินัย แม้ปรากฎภายหลังว่าไม่มีการกระทำผิดตามที่แจ้ง