นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการทีองเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 25 ล้านคน อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์นี้มีการปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย จากการชะลอตัวหลังเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในต่างประเทศ เช่น นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น (วัน Labour Thanksgiving Day) และนักท่องเที่ยวกัมพูชา (Water Festival Ceremony Holiday ) ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 594,034 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ และรัสเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 2.46 และร้อยละ 0.51 ตามลำดับ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ขยับเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ในขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดีย มาเลเซีย และจีนปรับตัวลดลง ร้อยละ 6.69 ร้อยละ 3.39 และร้อยละ 1.52 ตามลำดับ
ในสัปดาห์นี้มีประเด็นที่น่าติดตามดังนี้ การที่นายกรัฐมนตรีได้ทำการเยือนประเทศอาเซียนอย่างเป็นทางการ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ดังนี้ ไทยและมาเลเซีย ได้มีการส่งเสริมแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวสองทาง (Two-way Tourism) เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศมีความสมดุลกัน ไทยและเวียดนาม ได้มีการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเวียดนามในเมืองรอง ไทยและลาว ได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการพัฒนาระบบเครือข่ายคมนาคม อาทิ รถไฟข้ามแดน รวมถึงการสร้างสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ คู่ขนานกับสะพานมิตรภาพแห่งแรก ไทยและกัมพูชา ได้มีการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือผ่านแดน (Border Pass)สำหรับประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธ.ค. 66 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (27 พ.ย. – 3 ธ.ค. 66) จำนวนทั้งสิ้น 594,034 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 38,902 คน คิดเป็นร้อยละ 6.15 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 84,862 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 25,081,212 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,067,513 ล้านบาท โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 76,855 คน รองลงมา ได้แก่ จีน (76,843 คน) รัสเซีย (42,439 คน) เกาหลีใต้ (37,739 คน) และอินเดีย (35,747 คน)