วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 รศ.ดร. ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ณ โรงแรมเบลล่า บี จังหวัดนนทบุรี โดยการประชุมในครั้งนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เชิญตัวแทนข้าราชการครู ผู้บริหารสถานศึกษาในทุกสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เข้ามาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการย้ายในพื้นที่จริง เพื่อนำไปเป็นแนวทางพิจารณาในรายละเอียดตัวชี้วัดต่าง ๆ ในการปรับหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ซึ่งเลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้รับฟังเสียงสะท้อนและชี้แจงแนวคิดที่สำคัญในการดำเนินการปรับหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวว่า “การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายในครั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เล็งเห็นถึงปัญหาในกระบวนการยื่นคำร้องขอย้ายและการพิจารณาย้ายข้าราชการครูฯ ที่ยังคงใช้รูปแบบการพิจารณาเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ครูต้องเดินทางไปยื่นคำร้องขอย้ายด้วยตนเองที่ต้นสังกัด ซึ่งทำให้เกิดการปัญหาการทิ้งห้องเรียนตามมา รวมถึงมีเสียงสะท้อนจากสังคมที่ชี้ว่ากระบวนการย้ายครูไม่โปร่งใสเท่าที่ควร
ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ปรับกระบวนการดำเนินงานด้านการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันในหลายเรื่อง เรื่องการย้ายก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ครูได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งยังตรงกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เรื่อง ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ที่ต้องการให้เกิดเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ให้ครูได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ภูมิลำเนาด้วยกระบวนการที่โปร่งใส ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ดังนั้น หลักเกณฑ์การย้ายฯ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการและมีแนวทางที่จะนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในกระบวนการย้ายเพื่อเพิ่มความโปร่งใส ออกแบบระบบให้ทราบผลการย้ายได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย”
ซึ่งภายหลังการประชุม นางสาวนุรัต วรกฎ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า “กรณีการย้ายที่ผ่านมาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่สามารถรับรู้ถึงกระบวนการพิจารณาและติดตามสถานะของคำขอย้ายได้ หากต้องปรับระบบการย้ายใหม่ควรกำหนดค่าคะแนนที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเพิ่มระบบติดตามสถานะของคำขอย้ายให้ผู้ขอย้ายทราบว่าเรื่องของเขาอยู่ในกระบวนการใดแล้ว สำหรับการย้ายครูควรมองข้ามเรื่องรางวัล เพราะโอกาสการเข้าถึงรางวัลไม่ครอบคลุมครูทุกบริบทและทุกพื้นที่ แต่ให้ต้องมองไปถึงห้องเรียนและการจัดการเรียนรู้ตามบทบาทหน้าที่ของเขาเป็นหลัก ต้องดูว่า การจัดการเรียนรู้เป็นเช่นไร ผู้เรียนได้อะไร ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอย่างไร ซึ่งจะสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ และการพัฒนางาน ตาม ว PA ที่เขาพัฒนางานในทุก ๆ ปี”
ด้านนายชัยจุติ โอสถ ครู โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนครูที่ได้มาเข้าร่วมในวันนี้ ความคาดหวังคือ ต้องการเกณฑ์การย้ายที่สะท้อนมาจากการปฏิบัติงานของครูอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น เรามีการประเมินตาม ว PA อยู่แล้วอาจจะนำ PA นั้นมาใช้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการพิจารณาย้าย ซึ่งจะถือเป็นการคืนครูสู่ห้องเรียน เพราะองค์ประกอบในการพิจารณามาจากการทำงานของครูในห้องเรียน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนอย่างแท้จริง”
และความคิดเห็นจากมุมมองของผู้อำนวยการสถานศึกษานั้น ดร.ศุภโชค ปิยะสันติ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี จังหวัดเชียงราย ได้สะท้อนประเด็นและให้ความเห็นว่า “การทำให้ครูได้อยู่ในจุดที่เขาทำงานได้สมบูรณ์แบบก็คือกลับภูมิสำเนากับที่อยู่ตัวเองแล้วก็มีกำลังใจที่จะทำงานถึงแม้เราจะเป็นห่วงคุณภาพการศึกษา แต่ว่าถ้าเกิดครูไม่มีกำลังจะอยู่ที่นั่นแล้วใจมันจดจ่ออยู่ที่บ้าน มันก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ แต่กระบวนการพาคนกลับบ้านก็ต้องโปร่งใส่แล้วก็ลำดับความสำคัญให้ได้ว่าใครจำเป็นเร่งด่วนพร้อมกันนี้ถ้าเจอคนสำคัญเท่ากันก็ต้องพยายามหาตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญก็คือการนำระบบดิจิตอลมาช่วยก็เป็นโอกาสที่เราต้องกล้าคิด เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและลดปัญหาความไม่โปร่งใส”