วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00 น. นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย นางสาวซาราห์ บินเย๊าะ ที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม นางดุสิตา เชาวน์เลิศ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี พร้อมทีม พม. หนึ่งเดียว จังหวัด ลงพื้นที่เยี่ยมเด็กชาย 3 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกายรุนแรง ที่จังหวัดปทุมธานี ณ อาคารกิตติวัฒนา โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
นางสาวกัญจนา กล่าวว่า ขณะนี้ คุณหมอทำการผ่าตัดน้องเรียบร้อยและปลอดภัยดี ส่วนเรื่องทางคดีและอาการบาดเจ็บของน้องให้เป็นหน้าที่ของแพทย์และตำรวจว่าจะสรุปอย่างไร ซึ่งคุณหมอบอกว่าเมื่อครบจำนวนชั่วโมงหลังผ่าตัด แพทย์จะให้อาหารทางสายยางและอาการของน้องไม่น่ามีข้อกังวลใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเคสของเด็กเล็กมาก และมีความเจ็บป่วยอย่างมาก ทำให้สะเทือนความรู้สึกตนเป็นอย่างมาก จึงต้องขอมาเยี่ยม ทั้งนี้ ขอย้ำว่า กระทรวง พม. จะทำงานและดูแลอนาคตของน้องไม่ว่าจะรูปแบบใด จะให้น้องปลอดภัยที่สุดและมีอนาคตที่ดี และกระทรวง พม. จะพยายามทำงานกับครอบครัวเพื่อดูแลความปลอดภัยและไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ของกระทรวง พม. จะรับเรื่องราวร้องทุกข์ต่าง ๆ จากสายด่วน 1300 และแอพพลิเคชั่นของกระทรวง พม. เพื่อเร่งรัดประสานงานเพื่อช่วยตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
นางสาวกัญจนา กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. จะทำงานร่วมกับครอบครัวของน้อง เพื่อให้ชัดเจนว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งดีที่สุดคือการให้น้องกลับไปอยู่กับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวฝ่ายไหน ซึ่งกรณีของน้องยังมีครอบครัวที่จะรองรับ เพราะบางกรณีไม่มีครอบครัวรองรับจึงต้องหาครอบครัวอุปถัมภ์ ขณะนี้ รอความชัดเจนของสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไร แล้วกระทรวง พม. จะได้ทำงานต่อว่าน้องจะกลับคืนสู่ครอบครัวไหน อย่างไร และเมื่อกลับไปแล้วหากเพื่อนบ้านเห็นถึงความผิดปกติโดยที่ครอบครัวไม่นำเด็กส่งโรงพยาบาล
ขอให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสายด่วน พม. 1300 ของกระทรวง พม. เพื่อนำเด็กเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที โดยที่หน่วยงานภาครัฐต้องเป็นที่พึ่งของสังคมให้ได้ ไม่เช่นนั้นผู้ที่เดือดร้อนมักจะวิ่งไปหาภาคเอกชน บุคคล หรือหน่วยงานอื่น ทำให้ถูกชี้ว่าหน่วยงานภาครัฐพึ่งไม่ได้ และฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอให้ถือความสำคัญในความทุกข์ร้อนของประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่าทางตำรวจพยายามทำอยู่แล้ว ไม่อยากให้เฉพาะกรณีที่เป็นข่าวเท่านั้น ในส่วนของกระทรวง พม. มีสายด่วน พม. 1300 ซึ่งเร่งพัฒนาให้เข้มแข็งมากขึ้นและมีศรส. เป็นศูนย์ที่ทำให้เชื่อว่าการทำงานของกระทรวง พม. จะเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะยกระดับเป็นศูนย์รับเรื่องที่มีประสิทธิภาพ เมื่อรับรู้จะจัดการกับปัญหาทันที ซึ่งโดยปกติกระทรวง พม. ทำอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะไม่ค่อยได้ออกข่าว ไม่ได้สื่อสารกับสังคมมากเท่าที่ควร ทั้งที่เราทำตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง แต่การสื่อสารกับสังคมยังน้อยอยู่ ทำให้ดูเหมือนว่ากระทรวง พม. เป็นฝ่ายตั้งรับ ประชาชนจึงไปแจ้งกับบุคคลหรือองค์กรภายนอก
นางสาวกัญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่กระทรวง พม. เข้ามาดูแลเรื่องนี้ ทำให้ดูเหมือนปลายทางของปัญหา ซึ่งความจริงต้นทางของปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไขคือปัญหาของครอบครัว ปัญหาของสังคม ซึ่งครอบครัวทุกวันนี้ชำรุด เช่น อาจจะไม่พร้อมมีบุตร ปัญหายาเสพติด ทำให้เกิดสภาพอย่างที่เห็น จึงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของชุมชน หมู่บ้าน ตำบล และกระทรวง พม. มีศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลกระจายอยู่ทุกจังหวัดแห่งทั่วประเทศ ดังนั้น ต้องอาศัยหน่วยงานเหล่านี้สร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว “หากครอบครัวไหนไม่พร้อมมีลูก อย่ามี เพราะเด็กคนหนึ่งก็มีชีวิต มีความรู้สึก ขอฝากทุก ๆ ครอบครัวว่า อย่าคิดว่าเด็กเป็นสมบัติของครอบครัว แล้วคุณจะทำอะไรเขาก็ได้ มันไม่ได้ เพราะเด็กคือหนึ่งชีวิต หากคุณทำร้ายเขา คุณมีความผิด เขาไม่ใช่สมบัติของพ่อแม่ ที่คุณจะทุบตีหรือทำร้ายได้”
#ช่วย24ชั่วโมง #พม24ชม #ข่าวพม #esshelpme #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #กระทรวงพม #พมหนึ่งเดียว #ศรส