นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Tourism EXPO Japan หรือ TEJ 2023 ในวันที่ 26-28 ตุลาคม 2566 นี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศต่อชาวญี่ปุ่น และเป็นเวทีให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยได้มีโอกาสในการทำความรู้จักและเป็นช่องทางในการส่งเสริมตลาดกับผู้ประกอบการนำเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น มุ่งเป้าดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้แตะ 1 ล้านคน ในปี 2567
งานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Tourism EXPO Japan หรือ TEJ 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม 2566 ณ Intex Osaka นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดประจำทุกปี เพื่อกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศของคนญี่ปุ่น โดยในวันที่ 26-27 ตุลาคม 2566 เปิดให้เฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น และวันที่ 28-29 ตุลาคม 2566 เปิดให้กับบุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมงาน และในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและสายการบินของไทย จำนวน 11 ราย ได้แก่ Aleenta Phuket – Phang Nga Resort & Spa, Let’s Sea Hua Hin Al Fresco Resort & Loligo Resort Hua Hin, Mandarin Eastville Hotel Pattaya, Minor Hotels, Peach Group Resort – Phuket, Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Menam Riverside, S Hotel Group Bangkok, The Salil Hotel Riverside-Bangkok, สายการบิน Thai Airasia, Thai Airways และ Thai Vietjet Air เข้าร่วมการเจรจาธุรกิจและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าบริการด้านการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ภายในคูหาประเทศไทย ยังมีพื้นที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวของประเทศไทย การจัดแสดงและสาธิตศิลปวัฒนธรรมจากวิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ โดยนำดนตรีพื้นบ้านอีสานและดนตรีร่วมสมัยมาบรรเลงร่วมกัน การสาธิตและทดลองทำกิจกรรมโดยโครงการทะเลจร จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นการนำขยะจากทะเลมาทำของใช้ต่าง ๆ ได้แก่ การประดิษฐ์รองเท้าและตกแต่งทรายในขวดแก้ว รวมทั้ง ได้นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจักสานมาตกแต่งและนำเสนอภายในคูหาประเทศไทย ตามแนวคิด “Sustainable Tourism Goals (STGs)” อีกด้วย
การเดินทางไปร่วมงาน Tourism EXPO Japan 2023 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในครั้งนี้ มีภารกิจในการเข้าร่วมพิธีเปิดคูหาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศไทยของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การร่วมงาน Networking Lunch พบปะหารือกับบริษัทนำเที่ยวที่สำคัญของญี่ปุ่น การเข้าร่วมการสัมมนา 6th TEJ Ministerial Round Table รวมทั้ง การประชุมร่วมกับ ททท. ในการติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว แผนการดำเนินงานและโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2566- 2567 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกับพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อมวลชนของญี่ปุ่น
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้วางแผนดำเนินกิจกรรมกระตุ้นความต้องการการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยโครงการ Imakara Thai e (Going to Thailand now with my first passport) เป็นการสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวญี่ปุ่นให้ฟื้นคืนกลับมา โดยเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางแรก สานต่อการสร้างการรับรู้ประเทศไทย (Top of Mind) อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยมอบ Imakara Thai e – Travel Set ให้กับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางไปยังประเทศไทยที่มีตราประทับการเข้าประเทศไทยเป็นตราประทับแรกในหนังสือเดินทาง Imakara Thai e – Travel Set ประกอบด้วย ของที่ระลึกสำหรับการเดินทางครั้งแรกจาก ททท., SIM Card เพื่อใช้ในประเทศไทย, บัตรโดยสารรถไฟฟ้า, Gift Voucher สำหรับชอปปิง กิจกรรมท่องเที่ยว อาทิ สปา, handmade craft workshop สามารถขอรับได้ที่เคาท์เตอร์ ททท. ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ ททท. สำนักงานเชียงใหม่ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จะดำเนินการในเดือนธันวาคม 2566 – มีนาคม 2567 โดย Gift Voucher จะมีอายุถึงเดือนธันวาคม 2567 พร้อมกันนี้ จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ และ พรีเซนเตอร์ของโครงการ คือ “The Sato Triplet” ในงานTourism EXPO Japan 2023 ครั้งนี้ด้วย The Sato triplet เป็นศิลปินแฝด 3 คน ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มคนญี่ปุ่นใหม่ ที่มีผู้ติดตามใน Social Media มากกว่า 3 ล้านผู้ติดตาม
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพและเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมาตลอด โดย ททท. มุ่งทำตลาดในกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ กลุ่ม Boy Lovers (BL) จากกระแส BL ซีรี่ย์ของไทยในประเทศญี่ปุ่นสามารถส่งเสริมตลาดศักยภาพใหม่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางครั้งแรก (First Visit) ได้ โดยเฉพาะกลุ่มสตรี กลุ่ม Oya-rich หรือ กลุ่มครอบครัวที่มีรายได้สูง กลุ่มผู้หญิง กลุ่มผู้ชื่นชอบกอล์ฟ เป็นต้น จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 กันยายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 574,740 คน ส่วนในปี 2567 ททท. จะมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะนำนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาท่องเที่ยวประเทศไทยเกิน 1 ล้านคน