นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี ด่านกักกันสัตว์ราชบุรี อำเภอบางแพ สนธิกำลังกับ สำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดราชบุรี เข้าตรวจสอบสถานที่การเก็บซากสัตว์ (ห้องเย็น ) ของห้องเย็นพื้นที่ตำบลหัวโพ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ตามนโยบายการประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อนของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์
จากการปฏิบัติหน้าที่พบซากสัตว์ ประกอบด้วย ขาไก่ ตุรกี 31,000 กิโลกรัม ซากสุกร ประเทศบราซิล 3,000 กิโลกรัม ขาไก่กล่อง (cedal Argentina) 3,000 กิโลกรัม ซากโค ประเทศบราซิล (sadia) 2,200 กิโลกรัม ซากสุกรเล็ก(หมูกี่) 3,000 กิโลกรัม เนื้อกระบืออินเดีย (Al-Sami) 4,000 กิโลกรัม ซากชิ้นส่วนสุกร 40,000 กิโลกรัม น้ำหนักรวมจำนวน 86,200 กก. รวมมูลค่า 11,510,000 บาท ซึ่งทั้งหมดไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงถึงแหล่งที่มาแก่เจ้าหน้าที่
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้ตรวจสอบและให้ผู้ที่เป็นเจ้าของนำเอกสารหลักฐานการครอบครองและที่มาของซากมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำบันทึกอายัดซากไว้ หากไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในความผิดตามพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ต่อไป
“กรมปศุสัตว์ประกาศสงครามปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายให้สิ้นซาก ไม่ใช่แค่ปศุสัตว์เท่านั้น ยังรวมไปถึงประเภทพืชและสินค้าประมงด้วย ต้องไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ในราชอาณาจักรไทย และยังเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงปกป้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงในประเทศให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีการนำสินค้าที่ผิดกฎหมายเข้ามาแทรกแซงกลไกทางการตลาดของไทย” อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว