วันที่ 25 กันยายน 2566 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และมอบนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชน ว่า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเด็ก เยาวชน และครอบครัว เราต้องเน้นการคิดนอกกรอบ และการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ในประเด็นสำคัญ ๆ ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ตนขอฝากข้อคิดในการทำงาน โดยขอให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจแก่สังคมและการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชน ที่มุ่งเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนจากความร่วมมือนั้น ๆ อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กรมกิจการเด็กและเยาวชน จะต้องทำงานที่ท้าทายมากขึ้นและร่วมกับส่วนราชการทั้งภายในและภายนอกกระทรวง พม. เพื่อการทำงานในอนาคต โดยตนพร้อมที่จะร่วมมือผลักดันแก้ไขข้อขัดข้องที่เป็นอุปสรรค สำหรับประเด็นเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดนั้น ควรพิจารณาให้เด็กกลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงสิทธิอย่างทั่วถึง ครบถ้วน และสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีศักยภาพในการดูแลเด็กให้มีพัฒนาการ และสุดท้ายที่สำคัญคือ ผู้ใหญ่ในสังคมต้องเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับเด็กและเยาวชน
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตนได้ตรวจเยี่ยมกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) และมอบนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นคลังปัญญาให้คำแนะนำแก่คนรุ่นต่อไป รวมถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างรุ่น (Intergenerational House) การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีพฤฒิพลัง (Active Ageing) ด้วยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การจ้างงานผู้สูงอายุที่มุ่งเน้นลักษณะงานที่เหมาะสม การปรับที่พักอาศัยแบบ Universal Design การดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่ก่อนสูงวัยทุกมิติ อาทิ การบริหารเงินออม และความรู้ Cyber Security เป็นต้น การให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบางต่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อม (Climate Change) การสร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.) ด้วยการคัดแยกขยะแล้วเปลี่ยนเป็นเงิน และการเชื่อมโยง Database “พม. หนึ่งเดียว” ระหว่างกรมต่างๆ โดยเฉพาะการดึงศักยภาพของภาคเอกชนมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เพราะ กระทรวง พม. เพียงหน่วยงานเดียว ไม่สามารถทำงานสำเร็จได้