วันที่ 18 กันยายน 2566 ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายปกรณ์ สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา นายวิวัธน์ชัย คงลำธาร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา) และเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี
โดยมี นายนรเศรษฐ สองทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายพงษ์ศักดิ์ ฤทธิสมิต ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 13 ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน/โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (18 ก.ย. 66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่สำนักงานชลประทานที่14 (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 463 ล้าน ลบ.ม.(35% ของความจุอ่างฯรวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 366 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี มีปริมาณรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 338 ล้าน ลบ.ม. (41% ของความจุอ่างฯรวมกัน) โดยมีน้ำใช้การได้ประมาณ 270 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้มีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติถึง 75% กรมชลประทาน ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบัน ด้วยการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 29 คัน ปริมาณน้ำสะสมกว่า 9,164,620 ลิตร เครื่องสูบน้ำรวมทั้งสิ้น 41 เครื่อง ปริมาณน้ำสะสมรวม 24,769,000 ลบ.ม. รวมทั้งปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 และ 3 มาตรการรับมือฤดูฝนเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ ด้วยการกำหนดจุดเสี่ยงอุทกภัยไว้ทั้งหมด 15 จุด ตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทาน และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ บริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ ให้ได้มากที่สุด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงที่ฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีความเสี่ยงในกรณีที่เขื่อนเพชร ระบายน้ำลงแม่น้ำเพชรบุรี โดยจะควบคุมการระบายน้ำจากเขื่อนเพชรสู่แม่น้ำเพชรบุรีไม่ให้เกิน 150 ลบ.ม/วินาที พร้อมใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ช่วยในการระบายน้ำ รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีให้ไหลลงสู่ทะเลโดยเร็ว สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด