เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนนี้ สสส. ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันสนับสนุนเครือข่ายภาคประชาสังคมจัดกิจกรรมเรียนรู้แก่ผู้สูงอายุในชุมชน พร้อมการรณรงค์ลดละเลิกอบายมุขต่าง ๆ โดยเฉพาะการซื้อหวย ทั้งของรัฐบาลและหวยใต้ดิน
นางสาวอุไร โสรเนตร เครือข่ายรณรงค์หยุดพนันจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า “การรณรงค์หยุดพนันในชุมชนทำมาอย่างต่อเนื่องนับจากการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพบว่าสถานการณ์การซื้อหวยของกลุ่มผู้สูงอายุมีเยอะมาก ในเขตเมืองจะนิยมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะที่ในเขตรอบนอกจะนิยมซื้อหวยใต้ดิน ซื้อแบบงวดชนงวดกันมาอย่างยาวนาน และก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินกับผู้สูงอายุจำนวนมาก วันที่เบี้ยผู้สูงอายุออก เจ้ามือหวยจะตั้งโต๊ะเก็บหนี้หวยไล่เรียงตัวกันไปเลย ซึ่งไม่พอจ่ายหนี้ให้เจ้ามือด้วยซ้ำ ต้องนำเงินที่ลูกหลานส่งมาให้เป็นค่าอยู่กินมาใช้หนี้หวย แต่ผู้สูงอายุก็ยังไม่ยอมเลิก เพราะยังหวังว่าตนจะถูกหวยกับคนอื่นเขาบ้างสักวัน”
นายพันธ์ศักดิ์ คำแก้ว เครือข่ายรณรงค์หยุดพนันจังหวัดลำปาง กล่าวว่า “จากปัญหาผู้สูงอายุกับหวย สสส.โดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันจึงพัฒนาหลักสูตรการจัดกิจกรรมเรียนรู้ “ล็อตเตอรี่ศึกษา” และได้ทดลองใช้กับโรงเรียนผู้สูงอายุ 100 แห่งในช่วงปีที่แล้วซึ่งพบว่าได้ผล ทำให้ผู้สูงอายุลดละเลิกเล่นหวยไปได้จำนวนมาก หลายคนเลิกซื้อหวยไปอย่างเด็ดขาด ขณะที่จำนวนหนึ่งที่ยังเลิกไม่ได้ทีเดียวก็ลดจำนวนการซื้อลงเป็นสิบเท่า จากเคยซื้อหวยงวดละสามพันบาทเหลือเพียงสามร้อยบาท แค่นี้ก็ทำให้ได้เงินกลับคืนมาจับจ่ายใช้สอยได้มาก”
“หลักสูตรนี้เน้นการชวนผู้สูงอายุพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์การซื้อหวย ชวนคิดชวนคุยถึงผลจากการซื้อหวยมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าไม่เคยถูกหวยเลย ที่เคยถูกก็น้อยครั้งมาก แต่ที่ยังซื้อหวยอยู่เพราะมีความหวัง และคิดว่าการถูกหวยไม่ใช่เรื่องยาก โชคต้องเข้าข้างตนสักวัน จึงให้ผู้สูงอายุทดลองเขียนเลขที่อยากซื้อ แล้วมาทดลองออกรางวัลกันจริง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงให้ผู้สูงอายุได้เห็น ซึ่งพบว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครถูกรางวัลแม้แต่รายเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจและเปลี่ยนความคิดความเชื่อของผู้สูงอายุไปได้ แต่ที่บางคนยังเลิกซื้อไม่ได้ เป็นเพราะอยู่กับมันมานานจนเป็นความเคยชิน จึงยังขอซื้อเพียงเป็นกิจกรรมบันเทิง พอให้ได้ลุ้น ได้พูดคุยกันในชุมชน”
ด้านนายบุญสืบ พันธ์ประเสริฐ เครือข่ายรณรงค์หยุดพนันจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า “การจัดกิจกรรมเรียนรู้กับกลุ่มผู้สูงอายุต้องมีความเหมาะสม เนื้อหาสาระไม่มากจนเกินไป ให้ท่านได้แบ่งปันประสบการณ์กันบ้าง และต้องมีความสนุก ปีที่ผ่านมาตนได้แต่งเพลงรำวงขึ้นมาชื่อเพลง “คาถาทันหวย” ซึ่งนำไปใช้เวลาจัดกิจกรรมล็อตเตอรี่ศึกษา สร้างความสนุกสนานและตื่นตัวให้แก่ผู้สูงอายุในจังหวัดอย่างมาก จนเกิดการชวนกลุ่มผู้สูงอายุจากโรงเรียนผู้สูงอายุ 10 แห่ง ในจังหวัดสระบุรี รวมแล้วกว่า 500 คนมาแสดงออกร่วมกัน ต่างพื้นที่ต่างนัดกันแต่งกายอย่างสวยงามและมีความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบท่ารำวงและไปซักซ้อมกันมาอย่างพร้อมเพรียง และไปหาโลเคชั่นสวย ๆ ในตำบลของตนเอง เพื่อถ่ายทำมิวสิควิดีโอรำวงรณรงค์ลดละเลิกหวย เผยแพร่ทางสังคมโซเชียลอยู่ขณะนี้”
นางคณางค์ กงเพชร เครือข่ายรณรงค์หยุดพนันจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า “เพื่อให้การรณรงค์ในปีนี้ได้ผลยิ่งขึ้น โครงการจึงจัดทำ “หวยทิพย์” เป็นกุศโลบายให้ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมเขียนตัวเลขที่อยากซื้อหวย และเย็บติดจำนวนเงินที่คิดจะซื้อ แล้วหยอดกระปุก และชวนให้นำเงินเหล่านี้มาเป็นเงินร่วมทำบุญหลังออกพรรษา ให้เปลี่ยนเงินหวยเป็นเงินบุญแทน พร้อมมีคำชี้แนะให้เห็นว่า เลิกหวยแล้วได้อะไร ? เช่น ได้เงิน- ไม่ต้องเสียเงินค่าหวย ประหยัดค่าเดินทางไปหาหวย เอาเงินหวยมาใช้ชีวิตสวย ๆ ดีกว่า ได้เลิกหงุดหงิด–ไม่ต้องผิดหวังตอนเสีย ไม่ต้องเพลียเรื่องหนี้ ได้ความสัมพันธ์ที่งอกเงย – เมื่อไม่เสียหวยก็ไม่หงุดหงิด ไม่เพิ่มเรื่องทะเลาะกับคนในบ้านวันหวยออก ได้ชีวิตที่สง่า – เมื่อประกาศชัยชนะเลิกเล่นหวยได้ ก็นับถือตัวเองได้มากขึ้น ยกมือไหว้ตัวเองได้ และได้ใจที่งดงาม – เข้าพรรษาใส่บาตร ทำบุญ ถือศีล ได้บุญเต็มที่ กราบพระได้สนิทใจ เพราะมาทำบุญเพื่อบุญ ไม่ใช่ทำบุญเพื่อหวังถูกหวย
“ส่วนวิธีปฏิบัติเพื่อเข้าพรรษาลาแล้วหวย ให้ทำดังนี้ หนึ่ง ตั้งปณิธานต่อตนเอง – ต่อผู้อื่น – ต่อสิ่งที่เคารพบูชาประกาศชัดว่า “เข้าพรรษาลาแล้วหวย” สอง งดรับสื่อ งดพูดคุยเมาท์มอยเรื่องหวย ใครไม่หยุดเราหยุด ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ก็ปลีกตัวออกจากวง สามหากิจกรรมที่ทำแล้วเพลิน ๆ เช่น ช่วยงานวัด ช่วยงานชุมชน ปลูกต้นไม้ เล่นกับหลาน เป็นต้น สี่ ถ้าเกิดอยากแทงหวย ให้ซื้อ “หวยทิพย์” เขียนเลขใส่กระดาษ นำเงินไปหยอดกระปุก อยากแทงมากก็ต้องหยอดกระปุกมาก ๆ ห้า นำป้าย “เข้าพรรษาลาแล้วหวย” ไปติดหน้าบ้านในจุดที่ตนเองและคนอื่นเห็นได้ชัด หก ถ้ามีคนมาชวนซื้อหวย ให้ใช้วิธีบันไดสามขั้น หนึ่ง ขอบคุณ แต่ขอปฏิเสธ สอง พูดเสียงแข็ง “ไม่ก็คือไม่” สาม ถ้าเขายังเซ้าซี้ บอกให้ไปอ่านป้ายที่หน้าบ้าน” นางคณางค์กล่าว