เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ที่โรงเรียนวัดหลักสี่ (ทองใบทิวารีวิทยา) นายอัมรินทร์ จารุตามระ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตหลักสี่ พร้อมด้วยนางพัณภัสสา แก้วคำไสย์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดหลักสี่ (ทองใบทิวารีวิทยา) นางสาวดวงเดือน อินทธนู แกนนำเครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายชัยณรงค์ คำแดง ผู้ช่วยผู้จัดการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคีเครือข่ายชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่ กว่า 300 คนร่วมกันจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา “แสงเทียนส่องทาง แสงธรรมส่องใจ” โดยตั้งขบวนแห่จากโรงเรียนวัดหลักสี่ และเคลื่อนขบวนไปยังวัดหลักสี่พระอารามหลวง ภายในงานมีขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนแฟนตาซียมทูตและการแสดงสะท้อนผลกระทบจากสุรา เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยสุรา ตลอดจนการเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามงดเหล้าเขาพรรษาในแคมเปญ “ฤดูกาลสุข ปลอดเหล้า” สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในวันนี้ด้วย
นายอัมรินทร์ กล่าวว่า เขตหลักสี่ไม่ค่อยมีปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากนัก เพราะทางสำนักงานเขตหลักสี่มีการกวดขัน ควบคุม และตรวจสอบสถานที่ต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างต่อเนื่อง มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกวดขันให้ร้านค้า สถานประกอบการต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ขายในช่วงเวลาห้ามขาย และไม่ขายในวันพระใหญ่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการ และประชาชนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ทางสำนักงานหลักสี่ก็หวังว่าผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร้านค้าต่างๆ จะให้ความร่วมมือปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดผลกระทบ
“เราอยากเห็นประชาชนมีความตระหนักถึงการรักษาสุขภาพของตนเอง และสุขภาพของคนที่ตนเองรัก ด้วยการตั้งเป้าหมายงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนนี้ให้สำเร็จ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษาในปีนี้ไปด้วยกัน” นายอัมรินทร์ กล่าว
ด้านนางสาวดวงเดือน กล่าวว่า ชาวเคหะชุมชนหลักสี่ได้เข้าร่วมขบวนแห่เทียนพรรษากับสำนักงานเขตหลักสี่เป็นประจำทุกปี และในแต่ละปีมีการเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษา ใช้โอกาสช่วงสามเดือนเข้าพรรษาในการลด ละ เลิกเหล้า ใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟู ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นที่น่าพอใจ ในวันนี้เครือข่ายฯได้จัดแสดงแฟนตาซีเพื่อสะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ผลกระทบจากอุบัติเหตุ ผลกระทบทางสุขภาพ การทะเลาะวิวาท และความรุนแรงในครอบครัวเป็นต้น และในปีนี้เครือข่ายฯตั้งเป้าหมายในการเข้าถึงผู้ที่ติดสุรา เพื่อชักชวนให้เข้ากระบวนการลดละเลิกอย่างเป็นระบบให้มากขึ้นด้วย เพราะข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุราในปี 2562 ระบุว่า ทุก ๆ 1 ชั่วโมง คนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 5 คน ปีละกว่า 43,000 คน เป็นผู้ชายที่เสียชีวิตมากกว่าผู้หญิงถึง 6 เท่า ดังนั้นการงดเหล้าเข้าพรรษาจึงเป็นการรณรงค์สำคัญในการลดความสูญเสียจากน้ำเมา
นายสิทธิพันธ์ อาจเอี่ยม เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน ฝ่ายพัฒนาชุมุชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตหลักสี่ กล่าวว่า ในอดีตตนก็เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มทำงาน มีเงินเดือนมีเพื่อนๆ จะมีการดื่มแทบทุกวัน ทำให้ร่างกายแฮงค์ ไปทำงานสาย บางครั้งก็ไม่สามารถทำงานได้เลย กระทั่งเข้ารับการตรวจร่างกายของหน่วยงานก็พบว่าตับ ไตเริ่มมีปัญหา ซึ่งคิดว่าน่าจะมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักต่อเนื่องกัน ตนจึงเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองโดยใช้ช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนในการงดดื่ม ก็พบว่าร่างกายมีการปรับตัวที่ดีขึ้น สดชื่นขึ้น ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น จึงตัดสินใจที่จะงดเหล้าเข้าพรรษามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้ก็งดเหล้าเข้าพรรษามาได้15ปีติดต่อกันแล้ว ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนประชาชนให้หันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อยก็ในช่วง 3 เดือนนี้ แล้วจะเห็นว่าชีวิตดีขึ้นจริงๆ